cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china cheap nba jerseys from china wholesale nba jerseys from china discount nba jerseys from china MANGU Cover Story Issue 244 (15th November 2022) สัมภาษณ์ คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด ของ บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด
news-details

MANGU Cover Story Issue 244 (15th November 2022) สัมภาษณ์ คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด ของ บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด

          เมื่อกล่าวถึงแบรนด์ของไทย สิ่งแรกที่ผู้คนนึกถึงคือ Peppermint Field และ Siangpure ความไว้วางใจของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดของแบรนด์ บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด มีประวัติยาวนานมาถึง 60 ปี จากร้านยาเล็กๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นการก่อตั้งเป็น SIANG PURE และ Peppermint field ซึ่งไม่เพียงอยู่คู่คนไทยมาหลายรุ่น แต่ยังเป็นสินค้าขึ้นชื่อของประเทศไทยที่คนต่างชาติเลือกที่จะมาบริโภค และยังเป็นการวางรากฐานความมั่งคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกด้วย โดยในนามของแบรนด์เหล่าจื่อฮ่าว ยังมีการต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่สานต่องานของบริษัท

          คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ เป็นผู้นำรุ่นที่ 3 ของบริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ซึ่งตั้งแต่เด็กก็มีการเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกับทางผู้ใหญ่ และหลังจากที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายใน ISB ก็ได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) และได้รับรางวัลในระดับปริญญาตรีเกี่ยวกับด้านจิตวิทยาและการตลาด หลังจากจบการศึกษาที่ประเทศอเมริกา ก็มีหน้าที่รับผิดชอบมาบริหารงานของ Peppermint Field CBD และ Siangpure CBD ปัจจุบันก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด

          ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Bertram ได้มีการวางจำหน่ายไปแล้วกว่า 22 ประเทศ นอกจากนี้ยังไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่สำคัญ Bertram ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวจีน โดยมีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ปัจจุบัน Bertram ได้กลายเป็นในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย เธอในฐานะทายาทของ Bertram รู้สึกทราบซึ้งและขอบคุณกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ให้สนับสนุนเสมอมา “สิ่งสำคัญคือเราจะนำคำแนะนำจากลูกค้ามาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปค่ะ ภายใต้สถานการณ์ของโรคระบาด เราสามารถจำหน่ายได้เพียงภายในประเทศ อย่างไรก็ตามยอดขายสูงสุดยังคงเป็นยอดจากการส่งออกประเทศจีน ดังนั้นเราจึงรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ก่อนที่เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และเริ่มวางจำหน่ายในตลาดไทย Bertram ได้รับการสนับสนุนอย่างดี มียอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้รับความนิยมและการสนับสนุนต่อไป อีกทั้งยังไม่หยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะทำให้ผู้คนในสังคมดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ยิ่งในยุคปัจจุบันที่สังคมมีความเปิดกว้าง และหลากหลาย เมื่อเผชิญกับการพัฒนาเศรษฐกิจโลก เราจึงควรร่วมมือกันเพื่อก้าวเข้าสู่โลกอนาคตที่ดีกว่าไปพร้อมกัน

          การพัฒนาก้าวหน้าของสังคมในยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับสภาพจิตใจและร่างกายของตัวเองอย่างมาก ทางบริษัทจึงมองเห็นถึงช่องทางในการจำหน่ายสินค้าจากความต้องการของผู้คน จนได้มีการผลิตตามความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นของตลาดโลกสมุนไพรไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในสมัยโบราณ แต่ประโยชน์ของมันยังมีการคาดการณ์ไม่ได้ในยุคปัจจุบัน รวมถึงไม่มีสิ่งใดมาทำหน้าที่แทนมันได้ ดังนั้นบริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด จึงนำเอาสมุนไพรมาเป็นส่วนประกอบหลัก เพราะว่าธรรมชาติจะสรรสร้างสิ่งที่ดีมากที่สุดให้กับมนุษย์

          ไม่กี่ปีมานี้ ภายใต้การบริหารของคุณมีนา Bertram พยายามสำรวจเพื่อให้เข้าใจถึงตลาดผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาต่าง ๆ รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างวัยรุ่นหนุ่มสาว และพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน ทั้งนี้ยังผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ประยุกต์กันระหว่างสูตรยาแผนโบราณและรสนิยมในปัจจุบัน ทั้งบนแฟลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ มีการจำหน่ายโดยช่องทาง E-commerce ผ่านการไลฟ์สด เป็นการเพิ่มสีสันและสร้างความดึงดูดให้แก่แบรนด์ เพื่อให้ Bertram เป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคใหม่นั่นเอง

 

ManGu : ตอนเด็กๆ คิดไหมคะ ว่าจะต้องมารับช่วงต่อ

Meena : จริงๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยค่ะ ที่บ้านเขาไม่ได้บังคับค่ะ แต่เขาก็จะพูดว่า ถ้ากลับมาก็ดีค่ะ ก๋งมักจะพูดว่าดีใจมาก ๆ ที่ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัว เขาภูมิใจมาก และรุ่นต่อไปก็คือรุ่นคุณแม่ค่ะ แล้วก๋งก็บอกว่าอยากให้มี่มาช่วยดูแล แต่ก็ไม่ถึงกับบังคับ น้องสาวมี่เองก็เรียนหมอค่ะ ก๋งก็อยากให้เรามาช่วยกันสานต่อธุรกิจครอบครัว

ManGu : การที่เราเลือกเรียนทั้งเฉพาะด้านทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย เพื่อตั้งใจมาทำงานตรงนี้ไหมคะ

Meena : คิดว่าตอนที่เรียนไม่ได้ตั้งใจค่ะ คงเพราะเราได้พูดคุยกับคุณแม่บ่อย ๆ เพราะคุณแม่เป็นนักการตลาดค่ะ เวลาอยู่ที่บ้านเขาก็จะพูดให้ฟังตลอดเลยค่ะ ตอนแรกมี่เรียนจิตวิทยาค่ะแต่ก็ไม่ได้อยากเป็นอาจารย์ค่ะ ช่วงพักเรียนไปปีหนึ่ง มีโอกาสได้ไปทำงานกับเอเจนซี่ค่ะ พอได้ทำก็รู้สึกสนใจ ก็เลยเรียนปริญญา2ใบค่ะ จิตวิทยากับ มาร์เก็ตติ่ง มันค่อนข้างไปได้ด้วยดีค่ะ มี่คิดว่านักการตลาดต้องเข้าใจลูกค้าว่าเขาต้องการอะไร ถึงจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ค่ะ การที่ได้เรียนจิตวิทยาเหมือนมันช่วยเสริมให้เราเป็นนักการตลาดที่ดีขึ้นได้ด้วยค่ะ เพราะการเรียนจิตวิทาก็คือ การเรียนรู้เกี่ยวกับคนค่ะ

 

ManGu : หลังจากเรียนจบได้กลับมาช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัวเลยไหมคะ

Meena : มี่ไปทำงานที่อื่นก่อนค่ะ เป็นบริษัท start up ที่มีเจ้าของเป็นคนอเมริกันค่ะ ตอนนั้นมี่อยากลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างค่ะ เลยตัดสินใจว่าหลังจากกลับมาไทยจะลองทำ stat up หรือไม่ก็บริษัทอื่นก่อน มองย้อนไปก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูกนะคะ เพราะว่าตอนนั้นการตลาดขององค์กรส่วนใหญ่ยังเป็นขนาดเล็กอยู่ เราเลยสามารถทำอะไรที่มันขยายขอบเขต หรือทำอะไรใหม่ ๆ ได้มากค่ะ พอดีกับตอนนั้นมีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามา เราก็ได้เปิดตลาดต่างประเทศ ก็เลยเหมือนได้เปิดกว้างมากขึ้นค่ะ

ManGu : ครีมสมุนไพรที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของไทยเลยอยากจะให้เล่าถึงความเป็นมาสักหน่อยค่ะ

Meena : ก๋งตอนนั้นเหมือนหาลู่ทางทำกินค่ะ แล้วบังเอิญได้ไปเป็นผู้ช่วยซินแซถัง ก็ได้เรียนปรุงยาเป็นยาครอบจักรวาล ที่เอาไปขายหรือไม่ก็แจกให้ชาวบ้านค่ะ พอซินแซเริ่มแก่ตัวลง ก็เริ่มเจ็บป่วยเขาก็เลยบอกว่า เขาจะสอนสูตรยาให้ แต่เวลาสอนซินแซก็จะไม่บอกหมดค่ะ ให้เอาสูตรของซินแซมาพัฒนาต่อ เริ่มจากขายแบบขวดในตลาดค่ะ ช่วงประมาณ 30 ก๋งกับยายเขาขายพริกอยู่ในตลาด เขาเริ่มสังเกตุว่าธุรกิจนี้มันขึ้นอยู่กับฤดูกาล ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ค่ะ เขาก็เลยลองเปลี่ยนมาทำยาหม่องขึ้น แล้วเริ่มขายในระแวกบ้าน จนเริ่มขายดีขึ้น จนมาเปิดร้านขายยาเล็กๆ แล้วก็ค่อยๆ ขยับขยายมาจนมาถึงทุกวันนี้ค่ะ

 

ManGu : ทำไมถึงเป็นชื่อ siangpure

Meena : siangpure มาจาก 上标油 ก็คือ 上 แปลว่าเหนือกว่า 标 แปลว่า แบรนด์ ก็คือน้ำมัน ก็เลยได้เป็น น้ำมันชั้นดีอะไรประมาณนั้นค่ะ เราทำครีมสมุนไพรเป็นหลักค่ะ ถึงจะไม่มีการเปลี่ยนอะไรมากมายนัก แต่เรามียังคิดค้น พัฒนาสูตรใหม่อยู่เรื่อย ๆ ค่ะ

ManGu : “ SIANG PURE(上标油)” และ “ Peppermint field(薄荷氛)” แนวโน้มของผลิตภัณฑ์ในสองตัวเป็นอย่างไรคะ

Meena : มี่มองว่า ไม่ว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ จะทำจากสมุนไพรหรือไม่ก็ตาม เราอยากทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีส่วนช่วยเสริมสร้างให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีขึ้นค่ะ ยังไงก็ตามผลิตภัณฑ์ของเราจะมาจากสมุนไพรเป็นหลักค่ะ เราก็รู้สึกว่าอะไรที่มาจากธรรมชาติมันจะดีกับเราเสมอ ในอนาคตเราก็ต้องการพัฒนาให้ Bertram เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในตลาดเอเชียด้วยค่ะ

 

ManGu : การที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ยาหม่องยาดมของไทยไม่เพียงแต่มียอดขายเพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มการตอบรับของแบรนด์ ซึ่งมีหลายๆแบรนด์ที่มาทำแข่งกัน ทางฝั่งของเบอร์แทรมคิดว่าจะรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองยังไงคะ?

Meena : อันดับแรกเลย มี่คิดว่าเราโชดดีที่เรามีแบรนด์มานานกว่า 60 ปี ซึ่งเป็นเหมือนการตอกย้ำว่า แบรนด์ของเราใช้ได้ดีจริง และในอีกส่วนหนึ่งที่เรายังจะต้องmaintain เราคิดว่าเรายังคงต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยค่ะ เป็นหนึ่งกลยุกต์ของบริษัทด้วยเบอร์แทรมเรามองว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าเราอยากเพิ่มยอดขายของเราค่ะ ซึ่งตอนนี้เราก็พึ่งเริ่มไปเปิดตลาดที่จีนไปเมื่อปีที่แล้วเอง แต่ในอนาคต เราจะทำให้ตลาดโตมากกว่าเดิม เราก็ต้องไปเข้าใจลูกค้าที่นู้นด้วย ใม่ใช่แค่จะเลือกทำสินค้าที่ขายดีที่นี่ เราก็ต้องหาสินค้าที่เหมาะกับลูกค้าจีนด้วยค่ะ

ManGu : สไตล์การทำงานของคุณเป็นอย่างไร

Meena : ตอนนี้มี่ทำงานเกือบทุกวันเลยค่ะ และมี่ยังให้ความสำคัญกับทีมเวิร์คค่ะ สุภาษิตที่มีมี่ชอบก็คือ ถ้าเราอยากไปเร็ว เราก็สามารถไปคนเดียวได้ ถ้าเกิดว่าเราอยากไปไกลเราควรไปกับทีม แล้วมี่ก็ได้เรียนรู้งานจากคุณแม่เยอะมาก ๆ เวลาที่คุณแม่บริหารงาน ก็จะร่วมกันคิด ซึ่งมี่คิดว่าได้ไอเดียมาจากหลาย ๆ มุม พอทีมเราเชื่อในสิ่งที่จะทำ เขาก็ใส่ใจลงไปมากขึ้นค่ะ

 

ManGu : ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 จุดสนใจของงานไม่ใช่มีแค่ในส่วนของบริหารจัดการ ท่านมีจัดการภาพรวมในการบริหารอย่างไร

Meena : หลัก ๆ เลยมี่มีญาติที่ทำงานด้วยกัน พี่สาวของมี่คนนึง จะคอยดูภาพรวมในการจัดการเป็นหลัก ญาติอีกคนจะรับผิดชอบในด้านของโรงงาน ส่วนมี่ก็จะดู marketing ecommerce ต่าง ๆ ค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มทำโปรเจคอย่างจริงจัง แต่มีอยู่ใน Headline ค่ะ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยมีโปรเจคที่เหมือนให้ทุกแผนกคิด ไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรืออะไรต่าง ๆ ให้เอามาเสนอว่าการที่สนับสนุนไม่ให้พนักงานใช้ขวดแล้วทิ้ง หรือแม้กระทั่งทำยังไงให้ขยะลดน้อยลงได้ค่ะ

ManGu : ตลอดเวลาการทำงาน เราเคยเจออุปสรรคที่คิดว่าหนักหน่วงที่สุดไหม

Meena : มี่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องคนค่ะ ถ้าในภาพรวมอุปสรรคที่เห็นส่งรุ่นต่อรุ่นเป็นเรื่องของวิธีการเปลี่ยนสไตล์ ซึ่งแต่ละรุ่น แต่ละสไตล์ก็จะไม่เหมือนกันค่ะ ในช่วงตอนที่คุณแม่เพิ่งเริ่มปล่อยมือ ก็จะสามารถเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนค่ะว่า การทำงานในองค์กรของมี่กับคุณแม่มีความแตกต่างกันมากเลยค่ะ

 

ManGu : แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

Meena : มี่คิดว่าถ้าเกิดสุดท้ายแล้วเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนค่ะ เราก็จะไม่เขว เหมือนเราปักหมุดแล้วว่าจะไปตรงนี้ เราก็จะเดินตามทางตรงนี้ โชคดีที่คุณแม่หรือคุณป้าเข้าใจ เชื่อในสิ่งที่เราทำ ก็มีการคุยกันตลอดว่าสิ่งที่ทำโอเคไหม พอเป็นแบบนั้น เขาก็จะปล่อยให้เราได้ลงมือทำเองค่ะ

ManGu : ในช่วงเวลาที่มีแรงกดดันค่อนข้างเยอะ คุณมีวิธีการแก้ปัญหายังไงคะ

Meena: นิสัยของมี่จะค่อนข้างเรียนแบบมาจากคุณแม่ นั่นคือเราจะไม่เอาอารมณ์ของเมื่อวานมาปะปนกับปัจจุบัน เราจะเริ่มต้นกันใหม่ทุกครั้ง ไม่ว่ามีเรื่องอะไรก็จะเคลียกันให้จบค่ะ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะต้องทำตัวเองให้สดชื่นกับเช้าวันใหม่ค่ะ

 

ManGu : ใน work day 1 วันของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

Meena : ใน 1 สัปดาห์มี่จะเข้าออฟฟิศทุกวันพุธกับวันพฤหัสค่ะ ซึ่งปกติมี่จะเป็นคนที่ตื่นเช้าด้วย อยู่บ้านมี่ก็จะพาสุนัขไปเดินเล่น หรือเดินเล่นในหมู่บ้าน เล่นโยคะประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะหลังจากที่ทานข้าวเช้า มี่ก็จะเริ่มงานประมาณ 9 โมงค่ะ และตั้งแต่มีโควิดก็ต้องเข้าประชุมเกือบทุกวันเลย เวลาเลิกงานคือ 6 โมงครึ่งถึงทุ่มนึงค่ะ แล้วหลังจากเลิกงานแล้ว มี่ก็จะพยายามoffจากงาน และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อน หรือถ้าเกิดว่าตอนเย็นๆ ไม่มีอะไรทำ มี่ก็จะพาสุนัขไปเดินอีกรอบนึงค่ะ แต่ถ้าเกิดอยู่บ้าน มี่จะเคลียพวกงานเอกสาร แล้วก็จะเข้านอนประมาณ5ทุ่มครึ่งหรือว่าเที่ยงคืน แล้วก็จะตื่นประมาณ 7 โมงเช้าของวันต่อมาค่ะ

ManGu : ฝากอะไรสักเล็กน้อยถึงลูกค้าชาวจีนและผู้อ่านนิตยสารฉบับนี้หน่อยค่ะ

Meena : มี่อยากจะขอบคุณลูกค้าคนจีนที่รักแบรนด์เรามากๆเลยค่ะ เพราะการตอบรับของคนจีนคือความภูมิใจของแบรนด์เราอย่างมากเลย และการที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้การจำหน่ายเป็นไปในรูปแบบของ domestic หรือการจำหน่ายแค่ในประเทศ แต่จำนวนยอดขายสูงสุดยังคงเป็นการจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งมี่เองก็อยากขอบคุณจริง ๆ ค่ะ และพอทางเราได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่เรื่อย ๆ การที่จะมีการจำหน่ายในตลาดไทยได้นั้น เราต้องเซ็นเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อของประเทศจีนเยอะมากค่ะ และเราก็ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากประเทศจีนอีกด้วย สุดท้ายทางเราก็หวังว่าต่อไปภายภาคหน้า ทางแบรนด์ของเราจะได้รับการซัพพอร์ตและสนับสนุนต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ เราจะพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคมีการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น และมีสังคมที่สดใสร่วมกันค่ะ

 

Thank you.

คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ (มี่) / Meena Akrapongpisak (Mee)

 

Photographer : Chanokpohn Camnasak @Mickeyhighway_
Coordinator : Lalana Akka-hatsee @joobjang_akhs
Graphic Designer : Jamjuree Phetcharat @jam_2p
Column Writer : Zou SiYi @joy_zz97

You can share this post!

MANGU Cover Story Issue 245 (1st December 2022) สัมภาษณ์ คุณอีฟ ทยา ทีปสุวรรณ “สตรีเหล็ก” แห่งวงการการศึกษาไทย ผู้ก่อตั้ง Rugby School Thailand และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่15

MANGU E-Magazine Cover Story 10th Anniversary Issue พบกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ