(ไมโครเลนส์·เลขาธิการใหญ่ สี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมการหารือคณะผู้แทนกวางสีในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 )
แหล่งที่มา:หนังสือพิมพ์ประชาชนจีน
วันที่ 17 ตุลาคม สหาย สี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมการหารือคณะผู้แทนกวางสีในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20
ภาพถ่ายโดย แซ่ หวนฉือ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหัว
ตอนเช้าวันที่ 17 ตุลาคม เลขาธิการใหญ่ สี จิ้นผิง เยือนคณะผู้แทนกวางสีในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 และหารือรายงานการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ด้วยกัน ระหว่างการหารือกัน เจิ้ง จื้อหมิง หนึ่งในผู้แทนของกลุ่มยานยนต์กวางสี รายงานต่อเลขาธิการ สี จิ้นผิง
“ตำแหน่งของคุณดำเนินการตามมาตรฐานไหน”
เลขาธิการ สี จิ้นผิง ถาม เจิ้ง จื้อหมิง คนนั่งตรงข้ามท่านที่ใส่ชุดทำงาน อาจารย์เจิ้งมาจากกลุ่มยานยนต์กวางสี ทำงานอยู่แนวหน้าเป็นเวลา 20 กว่าปี พอกล่าวถึงการรถยนต์ การเจียร การเชื่อมและการโม่ เขากล่าวอย่างมีเหตุมีผลและระเป็นระเบียบ
เขากล่าวทุกอย่างออกมาและรายงานต่อเลขาธิการว่า “ประเทศของเรากำหนดนโยบายที่ทะลุขีดจำกัด ผมเพิ่งได้รับการพิจารณาเป็นช่างเทคนิกพิเศษ นอกจากนี้ก็ยังได้เป็นวิศวกรระดับสูงด้วยครับ นโยบายของพรรคฯทำให้พวกคนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายวิชาชีพ ก็มีหนทางชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงในอดีตครับ”
“ตอนนี้รายได้เป็นอย่างไรบ้าง”
พอได้ยินคำถามนี้ อาจารย์เจิ้งตอบอย่างเสียงดังว่า “ดีมากครับ ผมเป็นระบบรับค่าตอบแทนรายปี อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้บริหารชั้นกลางของบริษัทครับ”
หลายปีที่พัฒนาตนเองจากเด็กฟิตฝึกหัดพัฒนาจนเป็นช่างระดับประเทศใหญ่ ก็เป็นยุคสมัยที่ประเทศจีนพัฒนาเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ และเร่งก้าวหน้าไปสู่ประเทศแห่งอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง ในกระแสน้ําอันยิ่งใหญ่แห่งเวลานี้ กรรมกรจำนวนมหาศาลอย่างเจิ้ง จื้อหมิง สานความฝันในใจ ใต้เท้ามีพลัง
เลขาธิการ สี จึงนึกสองประโยคที่กล่าวในรายงานการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20
ประโยคที่หนึ่ง เกี่ยวกับชนชั้นกรรมกร: “ประเทศเราเป็นประเทศสังคมนิยมภายใต้การปกครองแบบเผด็จการประชาธิปไตยของประชาชนซึ่งมีชนชั้นกรรมกรเป็นผู้นำและมีพื้นฐานเป็นสหภาพแรงงานและชาวนา”
เมื่อรําลึกถึงอดีต เลขาธิการ สี กล่าวว่า: “พื้นฐานของชนชั้นกรรมกรขยายเติบโตขึ้น ปัจจุบัน กลุ่มปัญญาชนก็เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นกรรมกร ซึ่งต้องสร้างความมั่งคั่งด้วยการทำงาน กรรมกรเมื่อร้อยปีในอดีต ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบรุนแรงมากที่สุด แต่ก็เป็นกลุ่มคนที่ห้าวหาญที่สุดในการปฏิรูปของประเทศจีน”
อีกประโยคหนึ่ง เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจภาคการผลิต: “ยึดมั่นการพัฒนาเศรษฐกิจโดยตระหนักเศรษฐกิจภาคการผลิตเป็นจุดสำคัญ”
ขณะนี้เลขาธิการสีอธิบายเพิ่มเติมว่า ความทันสมัยสไตล์จีนเป็นความทันสมัยที่มีขนาดประชากรใหญ่โตพิเศษ ความทันสมัยของเราแตกต่างจากความทันสมัยที่มีประชากรนับแสน นับล้านหรือนับสิบล้าน แต่เป็นความทันสมัยที่มีประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน “การสร้างควมทันสมัยของเราเป็นสิ่งที่สุดยากลำบาก แต่ก็เป็นสิ่งที่สุดยิ่งใหญ่ จากมุมมองนี้ การอาศัยชนชั้นกรรมกรอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่ขาดแคลนไม่ได้ ชนชั้นกรรมกรเป็นตัวแทนของพลังการผลิตขั้นสูง”
การเดินทางยาวไกล เราต้องดิ้นรนเพื่อการพึ่งพาตนเอง ในห้องประชุม แขวนรูปวาดการเขียนพู่กันสองรูปว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” และ “ ต่อสู้ด้วยความยากลำบาก” ทั้งนี้เป็นสิ่งที่ยืนหยัดมาตลอดเวลาที่ผลักดันให้ประเทศจีนพัฒนาจากอดีตที่แสนลำบากจนเป็นวันนี้ที่มีความเจริญรุ่งเรือง
อาจารย์เจิ้งเล่านิทานเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการผลิต ในอดีต พวกเราได้แต่เรียนรู้จากคนอื่นโดยถอดชิ้นส่วนออกเพื่อศึกษา แต่ตอนนี้ “ผู้นำในอดีตกลับต้องมาเรียนรู้จากเรา โดยถอดชิ้นส่วนของเราออกเพื่อนำไปศึกษา”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้เลขาธิการ สี รำลึกถึงเรื่องราวอดีตที่ท่านทำงานที่ฝูเจี้ยน ตอนนั้นท่านต้องพาทีมงานไปสำรวจการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านไป สินค้าที่ผลิตโดยประเทศจีนได้ส่งออกไปยังต่างประเทศ “กาลครั้งหนึ่ง! นี่คือการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของประเทศจีน”
เลขาธิการ สี กล่าวคําพูดที่จริงใจด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจว่า “ชนชั้นกรรมกรต้องพยายามพัฒนาความสามารถและจิตสำนึกของตัวเอง ในอดีต งานท่าเรือต้องการใช้คนแบกด้วยบ่าสองข้าง ปัจจุบันตู้คอนเทนเนอร์ที่ดำเนินการอย่างอัจฉริยะ เราต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาชีวศึกษา อย่าดูหมิ่นคนงานอุตสาหกรรม ต้องไปดูที่ผลงานจริง กลุ่มคนที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือสร้างอาคารประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ทรงพลังที่มีลักษณะจีนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ต้องได้รับความเคารพ นอกจากนี้ เราต้องค้นคิดและศึกษาว่าจะฝึกฝนพวกเขาและทำให้พวกเขามีบทบาท การนี้ถึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ”