การเติบโต หมายถึงการโตขึ้น หรือการเติบโตจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม และนี่เป็นการสัมภาษณ์ จา – เฟริสท์ ครั้งที่ 2 ซึ่งทุกครั้งที่เจอพวกเขา ใบหน้าของเขาทั้งสองก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมอ ถ้าเทียบกับครั้งที่แล้ว การพบเจอกับ จา – เฟริสท์ในครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาโตขึ้น ในเส้นทางในการเติบโต พวกเขาค่อย ๆ ที่จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ต้องเจอกับอุปสรรค พวกเขาทั้งสองก็จะประคับประคองกันไป รวมถึงให้กำลังใจซึ่งกันและกันและใช้ชีวิตด้วยความสดใส ไม่ว่าจะยากลำบากหรือจะประสบความสำเร็จ มันก็เป็นประสบการณ์ในการเติบโตสำหรับพวกเขา พวกเขาทั้งสองคนอยากที่จะขอบคุณแฟนคลับที่เติบโตมากับพวกเขา พร้อมกับเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาพัฒนาตัวเอง และเป็นเส้นทางการเติบโตที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ
ครั้งนี้พวกเขาจะมาพูดถึงซีรีส์เรื่อง “ความรักเขียนด้วยความรัก” เป็นซีรีส์ที่เกี่ยวกับการเติบโตและการสื่อสาร ซึ่งในเรื่องจะเล่าถึงเส้นทางการเจริญเติบโตและการติดต่อสื่อสาร การตามหามิตรภาพ หรือความรักต่าง ๆ จะเป็นเรื่องราวของเส้นทางการเติบโต การไล่ตามความฝันของตัวเอง การตามหาความรักของวัยรุ่นทั้ง 6 คน ซีรีส์เรื่องนี้จะไม่เหมือนเรื่องอื่น ๆ เพราะเป็นเรื่องราวที่เรียบง่ายที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงชีวิตอย่างแท้จริง โดยเริ่มจากยุคของการเขียนส่งจดหมายจนไปถึงการติดต่อสื่อสารผ่าน APP ต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนที่ดูเรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวความหลังของตัวเองแน่นอน การเติบโตก็เหมือนกับสมุดไดอารี่ที่ถูกล็อคเอาไว้ มันจะบันทึกความรู้สึกต่าง ๆ ของเส้นทางที่เราเติบโตมา บันทึกเสียงหัวเราะและน้ำตา รวมถึงบันทึกความยุ่งเหยิงในชีวิตวัยรุ่นและความรักที่ตัวเองไม่เข้าใจ และในครั้งนี้เราจะมาดูการเติบโตของจา – เฟริสท์ ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชีวิตพวกเขาต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง พวกเขาจะมีเส้นทางในการเติบโตอย่างไร จะก้าวผ่านความท้าทายได้หรือไม่ มาติดตามเส้นทางความรักเขียนความรักของพวกเขากัน
ManGu : ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ทั้งคู่ได้มาร่วมถ่ายนิตยสาร @Mangu ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง
Frist : รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับ เวลามันผ่านไปเร็วมากเหมือนกัน เพราะผมรู้สึกว่านานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ก็รู้สึกเวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกันครับ ตื่นเต้น
Ja : ผมรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้งนะครับ แต่ว่าแตกต่างไปคือตื่นเต้นน้อยลง ก็เหมือนรู้จัก เคยเจอกันอยู่แล้ว แล้วรู้มาว่าวันนี้จะมีกิจกรรมสนุก ๆ มาเล่นกัน
ManGu : “Remember me ความรักเขียนด้วยความรัก” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรและรับบทเป็นใคร
Frist : เนื้อเรื่องย่อ ๆ จะเกี่ยวกับเรื่องของการสื่อสารครับ คือเรื่องนี้ถ้าได้ดูมันจะย้อนไปอีกยุคหนึ่งซึ่งคนดูจะย้อนไปในช่วงของการมีจดหมาย MSN, BB และ Line เป็นช่วงเวลาที่เกี่ยวกับการสื่อสารทั้งหมดเลย แต่ว่าตัวละครที่ผมได้รับคือ “กัน” จะอยู่กับคนที่ชื่อ “กอล์ฟ” แต่เขาจะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ กัน อยากให้ติดตามชมกัน ซึ่งเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เขียนจดหมาย จนถึง Line เลยครับ ตัวละคร “กัน” เป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยครับ แต่ว่าวันหนึ่งเขาได้เขียนจดหมายหาคน ๆ หนึ่ง แล้วพอได้เขียนกลับไปกลับมา ทำให้ “กัน” รู้สึกดีกับคน ๆ นี้ รู้สึกเป็นเซฟโซนของ “กัน” เขาเลยมีความรู้สึกที่ดีให้กับคน ๆ นี้ จนสุดท้ายพัฒนาไปเรื่อย ๆ ครับ อันนี้ก็อยากจะให้ลองติดตามครับ
Ja : ส่วนผมในเรื่องรับบทเป็น “กอล์ฟ” ครับ อย่างที่เฟริสท์บอกครับ ในตอนของเราเป็นตอนของจดหมาย ซึ่งในจดหมายถ้าคนที่เรียนภาษาไทยจะรู้จักเรื่องของวิธีการเขียน แต่ถ้าใครดูตัวอย่างของซีรีส์ Remember Me จะเห็นว่าจดหมายของเราจะเป็นวันที่ 8 ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามว่าทำไมต้องเป็นหมายเลข 8 ครับ และบทสรุปของความสัมพันธ์นี้จะเป็นยังไงต่อไปครับ
ManGu : ซีรีส์เรื่องนี้ได้ย้อนความทรงจำบอกเล่าเรื่องราวผ่าน จดหมาย, MSN, BB และ LINE ถ้าให้เลือก 1 วิธีการติดต่อกับคนที่รักได้ แต่ละคนจะเลือกการสื่อสารแบบไหนและเพราะอะไร
Frist : ผมเลือก Line ครับ เพราะผมเป็นคนที่ใจร้อน และถ้าเป็นห่วงใครสักคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่า Line เร็วที่สุด ทำให้ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเกิดเขาไม่ว่าง หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาก็สามารถติดต่อสื่อสารกับผมได้ตลอด ถ้าเขาติดต่อมาปุ๊บ สามารถติดต่อสื่อสารกับผมได้ทันที เพราะผมอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว และผมเล่นโซเซียลบ่อย ผมเลยเลือก Line ครับ
Ja : ถ้าเกิดเป็นเกี่ยวกับคนรัก ผมเลือก BB ผมชอบ messages หนึ่งใน Remember Me คือ BB มันลบไม่ได้ รู้สึกว่าในหมู่คนรัก มันเป็นอะไรที่เมื่อเรารักใครแล้ว เราคงลืมเขาไม่ได้ทั้งหมด มันก็จะมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้าง
ManGu : ในชีวิตจริงตอนเด็ก เราเคยผ่านยุคอะไรมาบ้าง เคยเขียนจดหมายไหม
Ja : เคยครับ ผมทันเขียนครับซึ่งมันเหมือนวิชาที่ครูให้ทำมากกว่า และผมก็รู้สึกว่ามันมีความสำคัญดี
Frist : ของเฟริสท์ก็ทันครับ แต่เป็นทันแบบที่ครูเขาสอนให้เขียนให้ถูกต้อง ให้มีจดหมายส่ง และส่งแบบเป็นทางการไม่เป็นทางการเป็นยังไง เขียนให้ถูกต้องเป็นยังไง เว้นวรรคให้ถูกต้องเป็นยังไง จะเป็นประมาณนั้นมากกว่าครับ
ManGu : ช่วยเล่าความประทับใจในการถ่ายทำซีรีส์ เจออุปสรรคอะไรบ้างไหม
Frist : ความประทับใจผม ผมรู้สึกว่าตอนแรกผมนึกไม่ออกว่าจะต้องไปไหน เราก็ไม่ได้สัมผัสอย่างเต็มตัวในเรื่องของจดหมาย หรือว่า BB เพราะตอนที่ผมใช้มือถือคือเลยยุคของ BB มาแล้ว แต่พอผมได้มาเล่น รู้สึกว่าคนเมื่อก่อนทำไมเขาถึงรักกันขนาดนี้ ห่วงใยกันขนาดนี้ กว่าที่จะสื่อสารหรือเจอกันได้ จะต้องให้ความสำคัญกับคน ๆ หนึ่งมาก เพราะเฉพาะมันคือความประทับใจของตัวซีรีส์ แต่ถ้าเกิดความประทับใจในกอง ผมประทับใจทุกคนครับ เพราะทุกคน enjoy มาก ทุกคนสนุกกับบท เพราะตัวละครย้อนไปช่วงวัยเด็ก และตอนเล่นเราก็รู้สึกว่าเด็กมากเด็กมัธยมปลาย ม.5 ประมาณนี้ครับ สนุกมากเลยเป็นความประทับใจครับ ส่วนอุปสรรคก็เป็นบางอย่างที่คุมไม่ได้ เช่นฟ้าฝน ก็จะยากเหมือนกัน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
Ja : ส่วนผม เรื่องนี้มีหลายอย่างครับ เนื่องจาก workshop ด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน จะมีความสนุกในกอง คุยได้ทุกเรื่อง ผู้กำกับก็รู้จักกันมาก่อน ทำให้ทำงานง่ายขึ้น ส่วนอุปสรรคคือเราไปถ่ายใน Location ติดริมคลอง อุปสรรคของเราในตอนที่ถ่ายอยู่ก็จะมีเรือขับผ่าน เรือตัดเข้ามา รถมอเตอร์ไซต์ขับผ่าน ทำให้ต้องถ่ายใหม่หมดเลยครับ
ManGu : ซีรีส์เรื่องนี้ได้ร่วมแสดงกับคุณมีน พีรวิชญ์ และนักแสดงรุ่นใหญ่หลาย ๆ ท่าน ช่วยเล่าความประทับใจในการทำงานร่วมกัน
Frist : กับมีน พีรวิชญ์ เรารุ่นเดียวกัน เขาก็จะมีความทะเล้นของเขา แต่ตอนทำงาน เขาเป็นนักแสดงที่ดี ค่อนข้างสมบทบาท แต่จะสมบทบาทยังไงต้องลองไปดูครับ ส่วนนักแสดงรุ่นใหญ่ ตอนที่ผมได้เล่น ผมจะพูดถึงประสบการณ์ตอนที่เข้าซีนด้วย ผมรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้วิธีการทำงาน เขาค่อนข้างละเอียดกับตัวบท มันไม่ใช่แค่การพูดไดอาล็อคอย่างเดียว แต่ทุกอย่างเขาแสดงออกมาเหมือนการใช้ชีวิตจริง ๆ เป็นตัวละครนั้นจริงๆ เราได้เห็นการทำงานแล้วเอามาปรับใช้กับตัวเอง ทำให้เป้าหมายของเราค่อนข้างชัดเจนมาก ว่าเราอยากเป็นนักแสดงที่ดีและทำให้สมบทบาท พอเรามาเจอนักแสดงรุ่นใหญ่ทำให้เราได้ความรู้เยอะมาก
Ja : สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ เขามีประสบการณ์มาเยอะ จำได้ว่ากับรุ่นใหญ่มีแค่คิวเดียว รู้สึกว่าได้รับความอบอุ่น ได้รับความรู้สึกและสิ่งที่เขาส่งมา ได้รู้จักตัวตนจริง ๆ ของเขา ได้รู้วิธีการทำงานของเขา การให้กำลังใจของเขา เราสามารถเรียนรู้ตรงนี้ และนำไปปรับใช้กับคนที่มีความรู้สึกตื่นเต้นเวลาทำงานได้
ManGu : ถ้าสามารถบอกกับตัวละครได้ 1 ประโยค แต่ละคนอยากบอกว่าอะไร
Frist : สำหรับผม ผมจะบอกว่าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ อยากทำไร ก็ทำไปเลย เพราะเขาชอบพูดว่าจะทำดีไหม ไม่กล้าเลย รู้สึกแบบนี้จะดีไหมนะ เรารู้สึกว่าความรู้สึกนี้ทำให้ตัวเองอึดอัด พอเราแสดงแล้วเราไม่กล้าเก็บเอาไว้ เพราะมันอึดอัดมาก ถ้าเป็นในช่วงตอนโต คงอยากจะบอกตัวเองว่า อยากทำอะไรต้องทำเลยนะ เป็นเด็กมันสนุกได้มาก ไม่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้น แล้วก็อยากให้เขามั่นใจมากขึ้น
Ja : ถ้าบอกตัวละครได้ 1 อย่างคืออยากขอบคุณตัวกอล์ฟ เพราะผมรู้สึกว่าพอได้รู้จักกับตัวกอล์ฟ ก็ได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้นอีกสเต็ปหนึ่ง หรือบางมุมที่เรายังไม่เคยเจอในตัวเอง ก็จะเจอจากบทบาท ก็รู้สึกขอบคุณที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครให้คนดูได้รับชมครับ
ManGu : ปลายปีนี้ก็จะได้เห็นทั้งคุณเฟริสท์ในภาพยนตร์เวียดนาม ประสบการณ์การถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
Frist : รู้สึกตื่นเต้นมากครับ จริง ๆ ผมเป็นคนที่ตื่นเต้นกับทุกอย่างครับ ตื่นเต้นง่ายมาก ไม่ว่าอะไรก็ตามจะชอบตื่นเต้นตลอด จะเข้าคิวแรกหรือคิวสุดท้ายก็จะตื่นเต้นตลอด ไม่รู้เพราะอะไรนะครับ ส่วนเรื่องนี้ที่ตื่นเต้นเพราะว่าคาแรคเตอร์ค่อนข้างจะแตกต่างกับเรื่องอื่นมาก เรื่องนี้จะเป็นแนวคอมเมดี้ หนังของทางเวียดนาม เป็นหนังผีแต่ว่าแฝงคอมเมดี้ไปในนั้น ซึ่งพอมีความคอมเมดี้ ผมรู้สึกมันท้าทายผมมาก ผมไม่เคยเล่นคอมเมดี้มาก่อน และการเล่นดราม่าจะเล่นง่ายกว่าคอมเมดี้ เรากลัวว่าเล่น ๆ ไปแล้วมันจะไม่ตลกไหม เราปรึกษาคนเยอะมาก ทั้งแอคติ้งโค้ช ทั้งผู้กำกับ บางครั้งก็ปรึกษาเพื่อนด้วยว่าเล่นยังไง เฟม ชวิน เขาให้คำปรึกษาได้ดี ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างท้าทาย ต้องลองติดตามครับ พยายามทำให้ดีที่สุด
ManGu : ทุกคนเติบโตมาย่อมเจอทั้งความสุข ความทุกข์ ความเศร้า ความผิดหวัง ถ้าสามารถ “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” ได้ แต่ละคนอยากบอกกับใครมากที่สุด
Frist : อันดับแรก ผมอยากขอบคุณพี่แฟนคลับ ขอบคุณจาด้วยที่เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันแรก เรามีวันนี้ได้ เพราะว่าเรามีจา มีแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และขอบคุณผู้จัดการด้วย คุณอาเล็ก คุณแก้ม ที่เป็นเหมือนแม่คนที่สอง ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะระวังตัว เช่น ถ้าเราจะออกจากบ้าน ผมจะต้องรู้ว่า เราออกไปทำอะไรที่ไหน เตรียมตัวยังไงบ้าง แต่งตัวแบบไหน มีเงินเท่าไร ต้องวางแผนไว้หมด แต่พอมีพี่แก้ม พี่อาเล็ก ผมแทบไม่ต้องคิดเลย เขาจะคอยบอกว่าเตรียมแค่นี้พอแล้ว เดี๋ยวที่เหลือจัดการให้เอง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ครับผม และมีความจริงใจต่อกัน ส่วนเรื่องขอโทษ ผมว่าผมไม่ค่อยมี มีแต่คำขอบคุณ ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน เพราะว่าทุกวันนี้ผมค่อนข้างจะเต็มที่ในทุกเรื่อง ถึงบางครั้งผมจะเหนื่อยบ้าง แต่ผมชอบในการทำงานทุกวัน
Ja : ส่วนผมอย่างแรกเลยอยากขอบคุณตัวเอง เพราะเมื่อก่อนผมค่อนข้างแตกต่างจากตอนนี้มาก ได้มีความรู้เรื่องการแสดง ได้มีการพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนครับที่เป็นกำลังใจเราในวันที่เราท้อ แล้วจาก็อยากขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสเราได้มาเล่นซีรีส์ ให้ได้มายืนอยู่จุดนี้ ขอบคุณทุกสิ่งที่เข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ประสบการณ์ในการทำงานต่าง ๆ ส่วนเรื่องที่เราจะขอโทษ คืออยากจะขอโทษสุนัขของตัวเอง เพราะผมมีเวลาให้เขาน้อยลง รวมถึงครอบครัวที่เราให้เวลาเขาน้อยลงครับ
Frist : ผมมีอีกเรื่องครับ สิ่งที่อยากขอโทษ คือผมไม่ได้เจาะจง ชีวิตผมมีความผิดพลาดมาเยอะ แต่ผมอยากขอโทษสำหรับสิ่งที่มันผ่านมา บางทีเราอยู่ในความวู่วาม ทั้งตั้งใจแล้วก็ไม่ตั้งใจก็ตาม เราอยากขอโทษในสิ่ง ๆ นั้น ถ้าเราล่วงเกิน หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็อยากขอโทษด้วยครับ
ManGu : ใกล้สิ้นปีแล้วแต่ละคนมีเป้าหมายอะไรที่อยากทำให้สำเร็จอีกบ้าง
Frist : ผมมีเป้าหมายคือเรื่องการแสดง เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงของการเดินหรือค่อย ๆ ก้าวไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันยังไม่ได้ถึงจุดหมายที่เราตั้งไว้ แต่เราก็คิดว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ เราก็ก้าวเดินมาเรื่อย ๆ ดีใจที่มีโอกาสดี ๆ เข้ามา แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส และดีใจที่เรามาถึงจุดนี้ได้ครับ
Ja : จริง ๆ เป้าหมายเยอะมาก แต่เป้าหมายจริง ๆ ของเราก็คือยังไม่ได้สำเร็จตามแผน เหมือนการบ้านเราไม่มี deadline เราก็จะไม่รู้ว่าเราจะทำวันไหน มันก็จะไปเรื่อย ๆ เราอ่านหนังสือก็ตั้งเป้าหมายในการอ่าน เวลาออกกำลังกายเราก็มีการออกกำลังตามแผน ในเรื่องของการแสดง เราก็สามารถก้าวไปอีกขั้นได้ ต้องรอดูสิ้นปี เผื่อมีอะไรครับ
ManGu : ก้าวต่อไปของ “จา-เฟริสท์” คืออะไร
Frist : ก้าวต่อไปเหรอครับ ชีวิตนี้ผมปลื้มการแสดงมากเลย เรื่องเรียนเราสำเร็จได้หนึ่งเรื่องแล้ว ก้าวต่อไปคงทำหน้าที่ได้เต็มที่ และเรากำลังมีโปรเจคร่วมกัน ระหว่างผมกับจาก็จะเป็นการก้าวไปอีกขั้น อยากจะให้ทุกคนรอติดตามครับ อาจจะปีหน้า หรือปลายปี หวังว่าทุกคนจะรอเราอยู่นะครับ
Ja : ของผมเป้าหมายงานต่อไปก็คือมันมีโจทย์มีการบ้าน บางอย่างที่เราไม่เคยเจอ ก็จะต้องใช้เวลา อันนี้ก็เป็นก้าวต่อไปของผมครับ
ManGu : แอบกระซิบถึงผลงานต่อไปหน่อย ได้ข่าวว่าพลิกบทบาทจากที่เคยแสดงมา
Ja : ตื่นเต้นในการพลิกบทบาทของเรา และจะมีหลาย ๆ สิ่งที่เราจะไม่เคยทำครับ
Frist : เป็นอะไรที่ท้าทาย และผมก็เต็มที่กับทุกงาน อยากให้ทุกคนรอติดตามครับ
ManGu : สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่ติดตามและซัพพอร์ตเรามาตลอด พร้อมฝากช่องทางการติดตาม
Frist : ผมรู้สึกอยากขอบคุณ แล้วเรารู้สึกว่าถึงตอนนี้เราอาจจะไม่ได้มีผลงานให้ดูบ่อย แต่มีหลาย ๆ คนที่คอยซัพพอร์ตเราอยู่ ทั้งชาวไทย ชาวจีน หรือบางคนบินมาหาเพื่อเจอเราในงานอีเว้นท์ ขอบคุณทั้งคนที่มาเจอและคนที่ไม่ได้มาเจอก็ขอบคุณครับ บางคนมาเจอเราทุกงาน เขาสู้มาก ส่วนเราเหนื่อยมาก แต่บางทีแฟนคลับเขาก็เหนื่อย แต่ยังมารอเราทั้ง ๆ ที่มันไกลกันมากในบางที่ เรารู้สึกขอบคุณมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอทุกคน อยากจะพูดได้หลายภาษาว่าเราเป็นห่วงนะ เราอยากคุยกับทุกคนนะ แต่อะไรที่ผมทำไม่ดีหรือพูดจาไม่ดีใส่ ผมก็อยากขอโทษด้วยครับ
Ja : ผมอยากบอกแฟนคลับชาวไทย แล้วก็ชาวต่างชาติ ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม ขอบคุณทุก ๆ ทางที่ส่งจดหมาย ของขวัญ กำลังใจ ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าจะมีโอกาสมาเจอหรือไม่ได้มาเจอ เราเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ก็มาจากแฟนคลับส่วนหนึ่งด้วย อยากให้เขามีความสุขมากครับ ๆ
Thank you.
Phachara Suansri (Ja) / พชร สวนศรี (จา)
IG : jjaajaaaa
Twitter : jaestsx
Youtube : JaaDo
Tiktok : jjaa_jj
Chalongrat Novsamrong (First) / ฉลองรัฐ นอบสำโรง (เฟริสท์)
IG : first_fh
Twitter : firstfh5
Tiktok : Chalongrat_fh
Youtube : FIRSTTIME
Make up / Hair Stylist : BEEDY MEEDY
Outfit : PITNAPAT OFFICIAL
English Coordinator : ALEX @sixsuperstar
Location : Full Frame Studio Co.,Lt
Photographer : Chanokpohn Camnasak @Mickeyhighway_
Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator
Coordinator / Interviews : Patthanapong Polpiboon @plyyp
Column Writer : Chen Ardan @ardannyc