ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และยุคที่ผู้คนสามารถเข้าถึงโซเชียล มีเดียได้อย่างง่ายดาย จนทำให้บางทีเรามั่วแต่สนใจเรื่องราวของตัวเอง จนลืมที่จะติดตามหรือดูข่าวสารต่าง ๆ ของบ้านเมืองในปัจจุบัน และทางนิตยสารแอทม่านกู่ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาแบ่งปันความรู้ด้านอาชีพ ปรัชญาการศึกษา และอนาคตของท่านกับทางนิตยสาร
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี ไม่ได้เป็นเพียงนักวิชาการเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นอาจารย์และผู้คิดริเริ่มอีกด้วย ชีวิตของท่านก้าวผ่านแวดวงพื้นที่ต่างๆของประเทศ ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง จากวิศวกรไปจนถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัย จากโลกธุรกิจไปจนถึงวิชาการ ท่านเต็มไปด้วยความกล้าหาญและมุ่งมั่นในทุกๆบทบาท
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เราจะพูดคุยลงลึกเกี่ยวกับรองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี สู่ศิษย์เก่าเลื่อนตําแหน่งเป็นอธิการบดีได้อย่างไร ความสําเร็จและจุดเปลี่ยนที่ท่านมีในด้านการศึกษาคืออะไร เราจะได้เรียนรู้ว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ท่านเผชิญในฐานะรองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยคืออะไร และแผนการรับมือในอนาคตเป็นอย่างไร และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการถามตอบทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นบทสนทนาที่จะทำให้เราได้ทำความรู้จักกับแนวคิดและแนวทางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังให้มากยิ่งขึ้น
Mangu: ท่านช่วยแนะนำตัวเองคร่าว ๆ ให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี:ผมรองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผมเป็นศิษย์เก่า เมื่อปี พ.ศ.2532 สาขาวิชาวิศวกรรมโยธาตอนนั้นผมเลือกมหาวิทยาลัยแห่งนี้เพราะมีชื่อเสียงในด้านการวิจัยและเน้นในเรื่องนวัตกรรม หลังจากจบการศึกษา ผมได้เข้าไปทำงานที่บริษัทเป็นเวลา 2 ปี แต่ในไม่ช้าผมรู้ว่าผมมีความสนใจเกี่ยวกับการศึกษาและการวิจัยมากขึ้น
Mangu: ความสําเร็จและจุดเปลี่ยนของท่านในด้านการศึกษาคืออะไร
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี:ผมคิดว่าความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกับต่างประเทศและสถาบันอื่น ๆ เราได้สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่น ๆ ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยของเราเท่านั้น แต่ยังให้โอกาสแก่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ของเรามากขึ้นอีกด้วย
Mangu: อยากให้ท่านช่วยพูดถึงความแตกต่างระหว่างมหาวิทยาลัยประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยหน่อยค่ะ
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นให้ความสําคัญกับความร่วมมือกับอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาถึงมีนวัตกรรมมากมาย ในทางตรงกันข้าม มหาวิทยาลัยในประเทศไทยให้ความสําคัญกับการสอนมากกว่า โดยเฉพาะการศึกษาระดับปริญญาตรี และมีการสนับสนุนด้านการวิจัยค่อนข้างน้อย นี่คือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยในไทยยังมีหนทางอีกยาวไกลในการวิจัยขั้นสูง
Mangu: ประสบการณ์การเรียนที่ญี่ปุ่นส่งผลต่อท่านอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: การเรียนที่ญี่ปุ่นทําให้ผมคิดถึงความสําคัญของวินัยและกฎเกณฑ์อย่างลึกซึ้ง ชาวญี่ปุ่นให้ความสําคัญกับเวลาและความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีค่ามาก นอกจากนี้ผมยังเรียนภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งทําให้ผมเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และได้มอบประสบการณ์อันมีค่าในอาชีพการงานของผมในอนาคตอีกด้วย
Mangu: ในฐานะอธิการบดีคุณมีแผนงานหรือเป้าหมายระยะยาวสําหรับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังหรือไม่
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: ผมคิดว่าประเทศไทยต้องการนวัตกรรมมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ดังนั้นผมจึงหวังว่าจะสร้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังให้เป็นศูนย์วิจัยและนวัตกรรมชั้นนําระดับโลก เราได้ทําความก้าวหน้าบางอย่างในด้านความปลอดภัยของอาหาร เกษตรอินทรีย์ และพลังงานหมุนเวียน
Mangu: ประเทศไทยมีแพลนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: มีครับ เรากําลังทํางานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนเพื่อศึกษาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน เราให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแบตเตอรี่กราฟีน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง
Mangu: ท่านมีแผนหรือจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ชาวจีนบ้างไหม
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: เรายินดีต้อนรับนักศึกษาและอาจารย์ชาวจีนมาศึกษาและแลกเปลี่ยนที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เราได้สร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในจีนหลายแห่ง และวางแผนที่จะเสริมสร้างความร่วมมือต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Mangu: ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ ท่านคิดว่าอะไรคือสิ่งความท้าทายที่สุด
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัย ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือวิธีการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของทุกฝ่าย รวมทั้งนักศึกษา เจ้าหน้าที่ และรัฐบาล เราจําเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถหาตัวตนของตัวเองได้ที่นี่ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาโดยรวมของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
Mangu: ท่านมีการวางแผนอย่างไรในอนาคต
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: เราจะยังคงส่งเสริมโครงการนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงรถสามล้อไฟฟ้า เกษตรอินทรีย์ และเทคโนโลยีอวกาศ เรายังวางแผนที่จะสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศและสถาบันต่าง ๆ มากขึ้นเพื่อส่งเสริมสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังให้กลายเป็นสถาบันวิจัยและการศึกษาชั้นนําของโลก
Mangu: สุดท้ายนี้ อยากให้ท่านฝากอะไรถึงผู้อ่านชาวจีนหน่อยค่ะ
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี: ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจีนและไทยสามารถเสริมสร้างความร่วมมือ และร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผมเชื่อว่าการร่วมมือเท่านั้นที่เราจะสามารถแก้ปัญหาที่โลกกําลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันได้
Thank you.
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี / Associate Professor Komsan Maleesee, D.Eng.
Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blackroom
Graphic Designer : Natchaphol Jin Srijun @Banshy.j
Coordinator : Narumon Sripool @poo_ler
Column Writer : Zou SiYi @joy_zz97