news-details

MANGU E-Magazine Issue 287 Cover Story (1th September 2024)

บทสัมภาษณ์ศิลปินหนุ่มหล่อของ

ช่องวัน31 แจม รชตะ หัมพานนท์

 

ManGu:ตอนนี้เพลงใหม่《อ่านแต่ไม่ตอบ(READ)》ตอนนี้ยอดวิวทะลุ 3 ล้านแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง

แจม:ต้องขอบคุณทุกคน ตอนนี้ดีใจและตื่นเต้นมาก ก็ไม่คิดว่า เราปล่อยเพลงนี้มาแค่ 7 วัน แต่ยอดวิวเป็นล้านเลยอะ ทีแรกคิดว่าน่าจะประมาณวันละแสนนี่ก็ถือว่าเยอะแล้ว รอลุ้นอีกทีตอน ห้าล้าน(ยิ้ม)อยากให้มาฟังกันเยอะๆครับ ตอนนี้ตื่นเต้นมาก

ManGu:ปกติชอบฟังเพลงแนวไหนบ้าง

แจม:แนวเพลงที่ชอบฟังอาจจะเป็นป๊อป ร็อกครับ แล้วแต่อารมณ์ช่วงนั้น ถ้าช่วงนั้นอยากมันๆหน่อยก็ไปฟังร็อกเลย ผมเล่นกีตาร์อยู่แล้วด้วย พอเล่นกีตาร์แล้วก็จะเป็นแบบแนวร็อกๆหน่อย แล้วพอถ้าเป็นเพลงที่ฟังบ่อยๆจะเป็นป๊อปมากกว่า เพลงที่เราทําอะ ก็เลยเป็นแนว ป๊อป ร็อกไปเลย

ManGu:《อ่านแต่ไม่ตอบ(READ)》 เป็นเพลงช้าๆ ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งนิดหน่อยใช่ไหมคะ

แจม:ในอารมณ์ของเพลงเป็นเพลงอกหักแหละ เป็นเพลงอกหักที่บอกเล่าความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้ง แต่คนรักเก่ายังของคอยส่งข้อความมาหา เราจึงเลือกที่จะอ่านแต่ไม่ตอบ เพื่อเป็นการจบความสัมพันธ์นี้

 

ManGu:ทําไมเพลงถึงชื่อว่า 《อ่านแต่ไม่ตอบ(READ)》

แจม:คือด้วยว่าผมอ่ะเป็นคนที่ไม่ค่อยตอบแชทแฟนคลับ แฟนคลับส่งข้อความมาใน Open Chat ส่งมาเรื่อยๆ หรือไม่ว่าจะเป็นใน Weibo แฟนๆก็มาคอมเม้นกัน ผมเข้าไปอ่านทุกครั้ง เข้าไปอ่านตลอดเห็นตลอด แต่ว่าผมไม่ตอบ คือเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว แม้กระทั่งแชทส่วนตัว จะชอบกดเข้าไปอ่านแล้วก็ไม่ตอบ ก็เลยเป็นที่มาของเพลงนี้เลยครับ

 

แต่ว่าถ้าเป็นเนื้อหาในเพลง จะเล่าอีกมุมหนึ่ง ก็คือมุมของคนที่รักกัน แล้ววันหนึ่งคนรักของเราไปมีคนอื่น เราเห็นนะ แต่เราไม่พูดอะไรเลย เขาก็เห็นเราเงียบๆไป แล้วจนวันนึง เขาก็ส่งข้อความมา ส่งมา เราอ่านนะ แต่เราไม่ตอบ เราก็มีเหตุผลของเราอยู่ว่าทําไมเราถึงอ่าน ก็คือเรายังรักเขาอยู่ แต่แค่เราไม่อยากตอบเขาเพราะว่า เราอยาก move onไปข้างหน้าแล้ว ไม่อยากกลับไปเจ็บอีกแล้ว

 

ManGu:คนที่มีความสามารถด้านศิลปะ จะมีความเซนซิทีฟหน่อย คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนเซนซิทีฟไหมคะ

แจม:ก็มีนะ มีเซนซิทีฟในบางเรื่อง ไม่ได้ทุกเรื่องผมจะเป็นคนที่ เอาความคิดสร้างสรรค์จริงครับ เพราะว่าอยู่ในสายศิลปะมา เล่นดนตรี วาดรูป ร้องเพลง เต้นตั้งแต่เด็ก ก็อยู่ในวงการของศิลปะตลอด แต่ว่าความเซนซิทีฟแล้วแต่ว่าเราไปเจอเหตุการณ์อะไร แต่จริงๆผมว่าทุกคนเป็นเซนซิทีฟหมดนะ ถ้าเจอเรื่องที่โดนใจตัวเองจริงๆ ของผมก็จะมีบ้าง บางเรื่องครับไม่ได้ทุกเรื่อง

ManGu:ถ้าอยากให้คุณมานิยามตัวเอง คุณแจมคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน

แจม:คนง่ายๆครับ กินง่ายอยู่ง่ายเข้าใจง่าย เหมือนเพลงของผมเหมือนกัน เพลงของผมก็เข้าใจง่ายมากอ่ะ คือเนื้อหาเล่าตรงๆ เลย “ฉันก็คงอ่านนะ แต่คงไม่ตอบ เพราะว่าคําตอบคือเธอมีเขา คุณมีเขาแล้ว ผมไม่ตอบคุณแล้วกัน แต่ผมขออ่านนะเพราะผมยังรักอยู่ ”เนื้อเพลงง่ายๆไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลย เหมือนกับตัวผม ตัวผมก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร คือก็เป็นคนอย่างนี้ เป็นคนทีพูดคิดอะไรก็พูดตรงๆไปเลยครับ

ManGu:รายการ“แจมไปทั่ว” มีไปสถานที่ต่างๆถ้าEPต่อไป พาแฟนๆ ไปเที่ยว ที่ประเทศไทย จะมีแผนพาไปที่ไหน

แจม: จริงๆ มีหลายที่อยากให้ไปกันมากเลย ถ้าได้ไปด้วยกันก็ไปวัดละกัน ไปวัดที่อยุธยา ก็เป็นเมืองโบราณ เป็นเมืองเก่าๆ มีเจดีย์ มีสถูปต่างๆ มีวัดเก่าๆ ให้ดูกัน ก็น่าจะชอบ ทําบุญด้วยกัน แล้วก็ได้เที่ยวกินอาหารอร่อยๆด้วย อยุธยามีของอร่อยเยอะเลย

 

ManGu:เข้าวงการเป็นนักแสดง ตอนนี้เป็นนักร้อง หมายถึงว่าคือออกจากเซฟโซนของตัวเองไหมคะ

แจม:จริงๆเรียกว่าหาประสบการณ์ใหม่ดีกว่า ถ้าถามว่าเซฟโซนของตัวเองคืออะไร คือทํางานเสร็จแล้วเราเหนื่อย อยากกลับไปเซฟโซนของเราคือบ้าน บ้านคือเซฟโซน แต่ถ้าถามว่าในฐานะที่เป็นนักแสดงแล้วมาเป็นนักร้องต่อ การออกจากเซฟโซนไหม ก็ไม่

 

ผมเป็นนักดนตรีมาอยู่แล้ว ผมอยู่ในวงการดนตรีมาก่อน ก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงอีก แต่นักแสดงคือวงการที่ทําให้ทุกคนได้รู้จักผม ในฐานะของแจม รชตะ ซึ่งผมอยู่ในวงการร้องเพลงมาก่อนแล้ว แต่แค่เราไม่ได้มีผลงานอะไรให้คนเขาดูเฉยเฉย อันนี้ก็เหมือนการใช้ความสามารถอีกด้านหนึ่งของตัวเองได้เต็มที่เลย อยากให้ทุกคนมองว่า ผมเป็นทั้งนักแสดงด้วยเป็นทั้งนักร้องด้วย ไม่ใช่นักแสดงที่สามารถร้องเพลงได้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาเป็นนักร้องอาชีพเหมือนกัน แต่อยู่ในวงการดนตรีมาก่อนเพราะเป็นคนเล่นกีตาร์ เล่นดนตรีอยู่แล้ว พอมาเป็นนักแสดง ก็ได้เปิดโอกาสอื่นๆเข้า มาให้เราอีกเยอะครับ

 

ตอนนี้มีแฟนๆทั้งอินเตอร์แฟนต่างประเทศเข้ามาแล้ว ก็มีแฟนๆที่ไทยด้วยอย่าง มีการจัดแฟนมีตติ้งแฟนคอนขึ้นมาบ้าง ทั้งนอกประเทศและในประเทศ ทำให้เราได้ใช้ความสามารถที่อยากจะทําจริงๆ ก็เลยเสนอกับทางทีมงานไปว่า งั้นเรามาทําเพลงกันไหม ผมอยากมีเพลงเป็นของตัวเองแล้ว ในเมื่อผมก็เล่นดนตรีได้ งั้นลองดูไหม ก็เลยได้โอกาสในการทําเพลงเป็นของตัวเองขึ้นมา 

ManGu:ในอนาคต แฟนคลับจะมีโอกาสได้ยินเพลงสไตล์อื่นๆไหม

แจม:จริงๆ ถ้ามีโอกาส อยากลองนะ ผมได้หมดเลย ทั้งเพลงเต้น เพลงเร็ว เพลงช้า ตอนนี้เราเป็นเพลงสไตล์อกหัก เพลงเศร้าๆ หน่อย ก็อยากทําเพลงโยกๆ เต้นๆ อาจจะมีเซ็กซี่ๆบ้าง อันนี้ก็อยากทําเหมือนกันครับ เพราะผมเองก็เต้นได้อยู่แล้ว ถ้ากระแสตอบรับจากเพลง《อ่านแต่ไม่ตอบ(READ)》ดีมากๆเลย ในอนาคตน่าจะมี ผมว่ายังไงก็มีซิงเกิลต่อไปแน่นอน ยังไงก็ต้องฝากแฟนๆ ให้แฟนๆช่วยกันดูเยอะๆ ครับ เราจะได้มีกําลังใจผลิตผลงานออกให้เรื่อยๆ ทีมงานที่ทํางาน เขาก็ดีใจที่เห็นผลงานออกมาดีแล้วมีคนสนใจ แม้กระทั่งจะเป็นงานที่เป็นเพลงต่างประเทศ ผมก็รับนะ ผมเคยร้องเพลงจีนในแฟนมีตติ้งตัวเอง ถ้าสมมุติว่าที่จีน มีโปรเจคอะไรให้ อันนี้ผมก็สนใจครับ

ManGu:ร้องเพลงภาษาจีนยากไหมคะ

แจม:ยากมาก แต่ว่าประโยคที่ใช้บ่อยจะเป็นแบบ“XieXie”“DaJiaHao”“MeMeDa” เคยเคยเรียนกับคุณครูแล้ว ออกเสียงยากมาก บางคํามันใกล้ๆ กัน มันออกเสียงแค่นิดเดียวเอง ความหมายผิดแล้ว เรียนเป็นพินอินครับ ต้องจูนกับภาษาอังกฤษหน่อย ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้เก่งนะ แต่ว่าสมัยผมที่ไทยเขาจะสอนภาษาอังกฤษเยอะ ภาษาอังกฤษกับภาษาไทย แต่ภาษาจีน ตอนยุคผมเรียนยังไม่มี

 

ManGu:จะทำเพลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนออกมาบ้างไหมคะ

แจม:ถ้ามีโอกาสก็ยินดีครับ 

ManGu:คุณแจมเป็นไอดอลของหลายคน หลายคนมองว่าคุณเก่งทุกด้านเลย คุณมีไอดอลของตัวเองบ้างไหม

แจม:มีครับ ถ้าเป็นเพลง ผมชอบวงดนตรีอยู่วงหนึ่ง ชื่อว่าโปเตโต้ ผมชอบมือกีตาร์ ชอบพี่วิน ผมชอบเพลงของวงโปเตโต้ ทั้งวงเลยชอบพี่ๆเขาหมด แต่ถ้าเป็นพิเศษเลยก็คือพี่วิน ได้เล่นกีตาร์ ชอบ ตอนเด็กๆ ฟังแล้วก็แกะเพลงเขาครับ ถ้าเป็นเรื่องการแสดงก็หลายคนเลยนะ แล้วแต่ว่าเรื่องไหนบางครั้งก็จําชื่อเขาไม่ได้แต่ชอบ ชอบการแสดงเขา จําแต่หน้าได้ ดาราฮอลลีวูดก็ชอบหลายคนครับ

ManGu:ถ้ามีโอกาสจะไปดูคอนเสิร์ตของโปเตโต้ไหมคะ

แจม:ไปครับ ไปแน่นอน เคยดูครั้งเดียว เป็นงานเล็กๆ จัดงานอยู่ร้านอาหาร แค่นั้นก็สนุกแล้ว อยากไปคอนเสิร์ตแบบราชมังที่เขาจัดใหญ่ๆ หรืออิมแพคอารีน่า

 

ManGu:ตอนนี้เข้าวงการกี่ปีแล้ว ได้พัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง เจออุปสรรคอะไรไปบ้าง

แจม:ผมเริ่มจากการเป็นนายแบบก่อน แล้วก็มาเป็นนักแสดงต่อ ถ้ารวมๆ เข้าวงการก็ร่วมๆ จะ 10 ปีแล้วครับ แต่ถ้าเป็นวงที่เข้ามาในช่อง เซ็นสัญญากับช่อง แล้วเล่นละครแบบจริงจังมาก ปีนี้ปีที่4 ครับ ถ้าไม่นับนายแบบนะ อุปสรรคก็มีเรื่อยๆครับ ตอนแรกเราก็ต้องวิ่งหาโอกาสให้ตัวเอง ต้องวิ่งไปหางาน ส่งงานส่งโปรไฟล์ตัวเองไปให้ทางบริษัทดู แล้วก็ไปแคสละครแคสโฆษณาแคสซีรีส์แคสไปเรื่อยๆ ได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน

 

ถามว่าพัฒนาอะไรขึ้นเหรอครับ ผมว่าในทุกๆการทํางานของผม ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต การเล่นละครอะไรต่างๆ จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆจากเพื่อนร่วมงาน เวลาไปคอนเสิร์ตเจอแฟนคลับ เราก็ได้เรียนรู้อะไรจากเขา เราจะรู้ว่า ทําแบบนี้ดีนะ ทําแบบนี้มันไม่ดีนะ แล้วตรงไหนจะพอดี ต้องบาลานซ์ให้ถูกครับ อันนี้ผมว่ามันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ แล้วทําให้เราพัฒนาขึ้น ส่วนเรื่องการแสดง เรียนการแสดงเพิ่ม ผมโชคดีที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่เก่ง ผู้กํากับที่เก่ง ทีมงานที่เก่ง ก็เลยทําให้เราเหมือนพัฒนาขึ้นไปได้เร็ว แล้วก็ทางผู้บริหารเขาก็ช่วยแนะนําอยู่ตลอดว่า ควรเพิ่มตรงนี้ ควรทําตรงนี้นะ ก็ทําให้เราพัฒนาตรงนี้ขึ้นไปอีก

ManGu:เวลาไปแฟนมีตจีนแต่ละครั้ง ไปเที่ยวที่ไหนต่อไหมคะ

แจม:เราก็จะบินไปก่อน แล้ววันต่อมาเราก็จะไปทํางาน หลังจากนั้นก็กินข้าวกับทีมงานครับ ไปเที่ยววัดบ้าง ไปทําบุญบ้าง แล้วก็วันต่อมาก็จะไปPOP MART ไปหาของเล่นครับ ของเล่น เต็มบ้านแล้ว

 

ถ้ามีโอกาสไปอีกแน่นอน ไปทุกครั้งคืออบอุ่นทุกครั้ง ถ้าได้มีโอกาสกลับไปที่จีนอีก ก็อยากไปทุกเมืองเลยนะ ได้ข่าวมาว่าแต่ละเมืองก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างกันด้วย แอบไปดูในสารคดีมา มีวัด มีภูเขา อยากไปครับ 

ManGu:ปกติเวลาว่างว่างก็ชอบทําอะไรคะ

แจม:เวลาว่างก็เล่นดนตรีครับ ถ้าว่างเวลาทํางาน นอนครับ นอนพักเอาแรงก่อนจะได้ทํางานเต็มที่ด้วย หลังทํางานเสร็จ แบบว่างจริงๆ ก็จะไลฟ์ในTikTok เจอแฟนๆหน่อย ก็เห็นเข้ามาทักทายกันเยอะ ถ้าเกิดไม่ว่างก็เงียบๆ ไลฟ์เหมือนได้เจอกันนะครับ ช่วงหลังๆงานอีเว้นท์น้อยลง ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมงานอีเว้นท์จะมีเยอะมาก ไปเจอแฟนๆได้ตลอด ไปรวมพลกันได้ตลอด และก็ไลฟ์เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถเจอกับแฟนคลับได้ แฟนคลับก็มาคอมเม้น เราก็อ่านแต่เราไม่ได้ตอบนะ (ยิ้ม)เพราะว่าอาจตอบไม่ทัน แต่ก็พยายามตอบให้ได้ทุกคน

ManGu:แค่ผ่านไปไม่กี่ปีเอง คุณแจมก็พัฒนาได้เยอะขนาดนี้ มีคิดไว้ว่าไหมห้าปีข้างหน้าคุณจะเป็นพัฒนาถึงขนาดไหน

แจม:แค่ทําปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ตอนนี้ผมยังรู้สึกว่าผมไม่เก่ง ผมต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ รู้สึกว่ายังเป็นรุ่นน้องในวงการอยู่เลย ยังไม่ได้ก้าวมาเป็นเบอร์ใหญ่ของวงการ ผมว่าผมยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ เจออะไรอีกเยอะ ในเส้นทางวงการบันเทิงตรงนี้ครับ แม้กระทั่งวงการร้องเพลงเหมือนกัน น้องใหม่มากๆเลย อีกห้าปีผมก็ไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ผมคิดแค่ว่าปัจจุบันจะทําอะไร พรุ่งนี้จะทําอะไรต่อ แต่ขอให้ดีขึ้นนะ แค่ทําวันนี้แล้วก็พรุ่งเนี้ยให้มันดีขึ้นกับวันนี้ไปอีก

 

ManGu:ปี 2024 ผ่านไปแล้วครึ่งปี คุณแจมในตอนต้นปี มีตั้งเป้าหมายไว้ไหม แล้วก็ตอนนี้ทําถึงขนาดไหน

แจม:ผมเพิ่งซื้อบ้านหลังแรกไป บ้านตัวเอง ก็ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้ก็อยากจะปิดยอดให้หมด ไม่อยากมีหนี้แล้ว ไม่มีหนี้น่าจะสบายสุดแล้ว นี่น่าจะเป็นเป้าหมายนึงของผมแล้วที่เหลือก็คงเป็นทํางานแล้ว เป้าหมายก็อยากได้รับรางวัลอะไรบ้าง ขึ้นไปเวทีแล้วก็บอก“นี่รางวัลของผม”

ManGu:ยังมีผลงานอะไรให้แฟนๆติดตามไหมคะ

แจม:มีเพลง《อ่านแต่ไม่ตอบ(READ)》ครับตอนนี้ที่ยังติดตามได้ ยังสามารถฟังกันได้อีกยาวๆเลย ก็เข้าไปในยูทูปแล้วก็ช่อง One Musicนะครับ เข้าไปฟังกันได้เลย ผลงานละครตอนนี้ ก็ที่เพิ่งถ่ายเสร็จไป ชื่อเรื่องว่า “เหมันต์ตะวันรอน” อันนั้นก็คู่กับพี่วิว วรรณรท อันนี้ก็ถ่ายเสร็จแล้ว ฝากรอติดตามกันนะครับ ส่วนผลงานตอนนี้ที่เคยพูดไปอีกอันหนึ่งก็คือเรื่อง “เรือนโชนแสง ”ก็อยากให้ทุกคนติดตาม เดี๋ยวผมมาอัปเดตอีกที เพิ่งเปิดกล้องนะครับ แล้วก็งานอื่นๆอีกอีเว้นท์ต่างๆนาๆอีก ไลฟ์ที่TikTokก็สามารถเข้าไปดูกันได้นะครับ ส่วนอย่างอื่นที่เป็นงานอนาคตที่อยากไปทํา ก็พวกคอนเสิร์ต ถ้ามีโอกาสก็มาอัปเดตให้ฟัง

You can share this post!

MANGU E-Magazine Issue 285 Cover Story (1th August 2024)