news-details

MANGU E-Magazine Entertainment Issue 212 : “มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์” จากละคร “Dare To Love ให้รักพิพากษา” “ดวงตาที่สาม” และ “เพชฌฆาตจันทร์เจ้า” ทางช่อง 3

 แนะนำตัว พร้อมประวัติคร่าว ๆ และผลงานในวงการบันเทิงของมายด์หน่อยค่ะ

มายด์ : ชื่อ มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์ ค่ะ ตอนนี้เป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 ค่ะ ผลงานที่กำลังจะออนแอร์ก็มี 3 เรื่องค่ะ มีเรื่อง “ดวงตาที่สาม” , “เพชรฆาตจันทร์เจ้า” และ “Dare To Love ให้รักพิพากษา” ค่ะ แต่เร็ว ๆ นี้ที่จะได้ชมก่อนก็จะเป็นเรื่อง “Dare To Love ให้รักพิพากษา” ค่ะ

พูดถึงละครเรื่อง “Dare To Love ให้รักพิพากษา” ให้ฟังหน่อยค่ะว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

มายด์ : “Dare To Love ให้รักพิพากษา” จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งออฟฟิศสำนักงานทนายความ แต่ละคนก็จะมีหน้าที่ของตัวเองที่จะต้องช่วงชิงตำแหน่งกัน ส่วนมายด์จะรับบทเป็นคู่หูกับพี่พิ้งกี้ พี่พิ้งกี้ก็จะเป็นอีกคนในออฟฟิศที่ต้องการจะเป็น Partner เราก็จะคอยผลักดัน คอยช่วยเขา คอยสกัดกั้นอีกคู่นึงไม่ให้เขามาแย่งตำแหน่งของคู่หูหัวหน้าเรา

คาแรกเตอร์ทั้งสองเรื่อง “Dare to Love ให้รักพิพากษา” กับเรื่อง “ดวงตาที่สาม” แตกต่างกันไหม มีความยากง่ายยังไงบ้าง

มายด์ : ต่างกันเยอะเลยค่ะเพราะว่า “ดวงตาที่สาม” เนี่ยมายด์รับบทเป็นผีเจ้ากรรมนายเวรของพี่เจมส์ มาร์ เราเคยสัญญากับพี่เจมส์ มาร์ไว้เมื่อ 150 ปีที่แล้วว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีวันทิ้งกัน จนวันนึงเกิดเหตุให้เราต้องฝังใจว่าเขาไม่ได้รักเรา เขาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเรา ก็เลยกลายเป็นความแค้นที่ข้ามภพข้ามชาติจนมาถึงชาติปัจจุบัน เรายังตามมารังควานเขาไม่ให้พบรักในชาติปัจจุบัน

เห็นว่าเรื่อง “Dare to Love ให้รักพิพากษา” ที่รับบทเป็นแต้ว มีจิ้นกับ “น้ำฟ้า” ด้วย เป็นยังไงบ้างเล่าให้ฟังหน่อย

มายด์ : ใช่ค่ะ คือเราทั้งสองคนเป็นคู่หูของหัวหน้า อย่างน้ำฟ้าจะเป็นคู่หูของพี่เบลล่า มายด์จะเป็นคู่หูของพี่พิ้งกี้ ซึ่งเลขาของแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ช่วงชิงฟาดฟันให้เจ้านายตัวเองไปในจุดที่สูงสุดในออฟฟิศ ซึ่งการได้เป็นพาร์ทเนอร์ของลอสแอนด์ฮาวี่ เลขาของแต่ละคนก็ต้องช่วยเจ้านายตัวเอง ไม่ว่าจะวิธีการใด ก็อาจจะเป็นคู่กัดกัน เหมือนเราเป็นศัตรูกันเล็ก ๆ แต่ไม่ได้ทะเลาะกันหรือเกลียดกัน แค่อยากให้เจ้านายตัวเองได้ดี เพื่อที่เราจะได้ดีไปด้วย ก็เลยเป็นเรื่องราวอลหม่านในออฟฟิศ น่ารัก ๆ แต่ตอนหลังด้วยความที่เป็นหัวอกเดียวกัน เป็นเลขาเหมือนกัน เจ้านายสนใจบ้างไม่สนใจบ้างเหมือนกัน ก็เลยทำให้เราเข้าใจกัน ความน่ารักของบทก็ทำให้เหมือนเราไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นเลขาเจออะไรมาเหมือน ๆ กันก็ทำให้เราลิงค์กันได้ ก็เป็นความสัมพันธ์น่ารัก ๆ

บรรยากาศการถ่ายทำกองนี้เป็นยังไงบ้างคะ

มายด์ : ไปทำงานกองนี้สนุกมากค่ะ เหมือนเราได้ไปพบปะเพื่อน ได้มีตติ้ง เจอเพื่อนรุ่น ๆ เดียวกัน คือสนุกมากสำหรับกองนี้ไม่เครียดเลย

แล้วบรรยากาศการถ่ายทำกองดวงตาที่สามเป็นยังไงบ้าง

มายด์ : กองดวงตาที่สามจะตลกค่ะ เพราะมีพี่อ้น พี่ฟรอยด์ พี่แพท แล้วก็หลาย ๆ คน อย่างเจมส์ มาร์ พี่อ้น พี่ฟรอยด์ พี่แพท เขาจะเป็นคนสร้างสีสันในกองตลอด พี่มิว นิษฐาก็น่ารักค่ะ แต่ตัวเราด้วยความที่เป็นบทผี เราจะค่อนข้างเครียดหน่อยเพราะเป็นบทที่ต้องทำสมาธิมากพอสมควร แต่ละฉากที่เข้าเราต้องเก็บความแค้นไว้ เราก็เลยต้องเก็บอารมณ์ไว้ เพราะว่าไม่งั้นเราจะหัวเราะตามเขา เขาจะเล่น TIKTOK กันตลอดเวลา แต่เราก็เล่นบ้างแต่น้อย

เรื่อง “ดวงตาที่สาม” เห็นว่าเป็นแนวผีด้วย และได้ร่วมงานกับพี่หน่อย บุศกร ผู้จัดละครแห่งค่าย ซิติเซ่น เคน (CITIZEN KANE) เป็นยังไงบ้างคะ

มายด์ : ใช่ค่ะ ได้ร่วมงานกับพี่หน่อย ตั้งแต่มายด์เจอเขาวันแรก คือมายด์ดีใจค่ะ เพราะตั้งแต่เข้าวงการมันเหมือนเป็นความฝัน ด้วยความที่มีคนบอกว่าเราเป็นคนหน้าไทย หน้าพีเรียด เราเลยอยากแต่งชุดไทย พีเรียด เราเลยคุยกับพี่หน่อยว่าเราดีใจมากที่ได้แต่งชุดไทย ได้เล่นแนวพีเรียด แต่หลังจากนั้นคือไม่ง่ายเลยเพราะเราต้องแต่งหน้าเอฟเฟคเยอะ เวลาเข้ากองได้เจอพี่หน่อยเขาก็น่ารัก คอยเอาขนมมาให้ คอยถามนักแสดงตลอด ว่ามีปัญหาอะไรบ้างไหม ติดอะไรบ้างไหม ให้พี่ช่วยอะไรไหม จะคอยถามนักแสดงตลอด คือเขาจะเทคแคร์นักแสดงทุกคนดีมาก ๆ น่ารักมาก ๆ พี่หน่อยก็จะช่วยบรีฟในฉากสำคัญ ๆ ให้เรา

จะเห็นว่ามายด์ได้รับบทบาทที่หลากหลายมากทั้งบทนางเอก นางร้าย และล่าสุดบทผี ชอบบทไหนมากกว่ากัน

มายด์ : จริง ๆ มายด์ก็ชอบทุกบทนะคะ เพราะทุกตัวละครสำคัญหมดเลย แต่ในช่วงหลังมายด์จะชอบเล่นเป็นนางร้าย เราจะชอบเล่นร้ายมากกว่า เพราะเราได้แสดงอินเนอร์ออกมาเยอะ ไม่ว่าจะแสดงเป็นผี ก็เป็นผีร้าย เราได้แสดงอารมณ์ออกมาให้คนดูได้เห็นชัดเจนเลย

แล้วบทไหนยากที่สุดคะ

มายด์ : บทที่ยากสำหรับมายด์คือแต้วในเรื่อง “Dare to Love ให้รักพิพากษา” ก็ถือว่ายากสำหรับมายด์นะ ด้วยความที่เป็นละครแนวคอมเมดี้ ทุกคนก็จะต้องมี Energy แล้วก็ต้องเล่นใหญ่นิดนึง เราเป็นสายเล่นอารมณ์ดราม่ามากกว่า พอมาเจอแบบนี้เราก็ต้องปรับตัวในรอบแรก แต่ต้องหัดเล่นให้มีความเป็นการ์ตูนนิดนึง

อีก 1 ผลงาน ละครเรื่อง “เพชฌฆาตจันทร์เจ้า” เรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ อยากให้เล่าให้ฟังหน่อย

มายด์ : เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสายลับ นางเอกเป็นสายลับที่ความจำเสื่อมฟื้นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเรารับบทเป็นลูกคุณหนู เป็นเจ้าของกิจการ ดูแลบริษัทใหญ่ เราก็ชอบพระเอกค่ะ เหมือนเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่รู้จักกัน ทำให้เราไม่ชอบหน้านางเอก เพราะเรารู้สึกว่าเขาจะมาแย่งคนที่เรารักไป แต่เรื่องนี้ก็จะไม่ได้ร้ายขนาดเรื่อง “ผมอาถรรพ์” แต่ในเรื่อง “เพชฌฆาตจันทร์เจ้า” จะมีเหตุผลมีศักดิ์ศรี ทะนงตัว เกิดในชาติตระกูลที่ดี ทำงานดี ทุกอย่างเพอร์เฟค ถ้าผู้ชายไม่สนใจเราก็ไม่เป็นไร แต่ถามว่าอยากได้ไหมก็อยากได้นะ

คุยกันเรื่องละครไปแล้ว มีพูดถึงชีวิตส่วนตัวกันบ้าง ความรักช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ แฮปปี้ดีไหม

มายด์ : ช่วงนี้ก็แฮปปี้ดีค่ะ พี่เขา (เพ็ชร-ฐกฤต พระเอกช่อง 3) ก็อยู่ดูแลเทคแคร์มายด์ดีเป็นที่ปรึกษาให้เราในเรื่องของการทำงานหลาย ๆ อย่าง ให้คำแนะนำเราเพราะว่าเราเองก็ยังใหม่ในวงการบันเทิง เขาก็เป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่คอย Guideline ให้เรา ที่เขาเคยไปถึงจุดต่าง ๆ เขาก็แนะนำประสบการณ์ชีวิตที่ผ่าน ๆ มา

เห็นว่าเป็นทาสแมวด้วย ที่บ้านมีแมวกี่ตัวคะ เลี้ยงแมวพันธุ์อะไรบ้าง

มายด์ : ใช่ค่ะ มี 11 ตัว มีทั้งลูกผสมด้วย American Shorthair เปอร์เซีย สฟิงค์ ฯลฯ แต่ตัวโปรดของเราเลยก็จะเป็น American Shorthair กับ เปอร์เซีย มีลูกรัก เขาจะอ้อนมาก มาเขี่ยประตูขอนอนด้วย พอเข้ามาเขาก็จะโดดขึ้นเตียงเลย (หัวเราะ) ขอแค่นั้นไม่วุ่นวายอะไร มีลูกรักอยู่ประมาณ 2-3 ตัว

ตอนนี้ทำฟาร์มเกษตรผสมผสาน “The Florimel Farm เดอะโฟลลิเมล ฟาร์ม” กับคุณเพ็ชร ฐกฤต แฟนหนุ่มด้วย ช่วยเล่าถึงที่มาที่ไปให้ฟังหน่อย ทำไมถึงสนใจเรื่องการทำฟาร์มเกษตรผสมผสานคะ

มายด์ : ใช่ค่ะ คือช่วงโควิดรอบแรก มายด์นี่แหละที่จุดประกายให้พี่เขา ว่าอนาคตเราไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก สถานการณ์จะเป็นยังไง อาหารจะหายากไหม หรือว่าการโดนเคอร์ฟิว ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราคาดเดาไม่ได้เลยในอนาคต ถ้ามันเกิดขึ้นอีกเราจะมีวิธีการรองรับยังไง เราจะต้องอยู่แต่บ้านในกรุงเทพฯ เหรอ ที่แคบ ๆ เล็ก ๆ ไม่มีบริเวณ ไม่มีอะไรเลย มายด์ก็เลยเริ่มหาซื้อที่ดิน โดยดูจากในเน็ตก่อนค่ะ ที่เขาประกาศขาย เราก็ไปดูมาหลาย ๆ ที่ แต่พอไปดูมาแล้ว มันก็มีบางอย่างที่ยังไม่ถูกใจเรา ไปถึงจ.เพชรบุรี ไปหลาย ๆ ที่ก็ยังไม่ถูกใจ จนมาดูที่จ.ชัยนาท ในครอบครัวไม่มีใครเป็นคนชัยนาทเลยนะ แต่ด้วยดินที่นี่สีจะออกดำ พอเราเห็นก็รู้แล้วว่าน่าจะเพาะปลูกได้ดี บวกกับสภาพอากาศมีหนาวบ้าง ต่างจากกรุงเทพฯ แล้วก็เงียบสงบ เลยคิดว่าเป็นทำเลที่ดี เราก็อยากจะเริ่มไวไว การเริ่มไวทำให้เราได้เห็นที่ข้อดีข้อเสีย ทำให้เราได้ฝึกประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายเรายังพอที่จะมีเวลาลองผิดลองถูกได้ เราก็เลยรีบหน่อย แล้วก็เป็นจังหวะที่ที่ดินราคาไม่แพงมากด้วยค่ะ บวกกับวิวสวย ทุกอย่างลงตัวก็เลยได้ที่นี่มาค่ะ

เราวางแผนว่าในอนาคตจะทำเป็นรูปแบบไหนคะ จะเป็นฟาร์มที่เปิดให้คนเข้ามาเยี่ยมชมเลยไหม

มายด์ : คือเนื้อที่ตอนที่ประมาณ 6 ไร่ ก็จะปลูกเป็นสวนผสม พี่เพ็ชรจะเป็นคนปลูก แล้วก็จะมีโซนที่เราปลูกพวกแบล็คเบอร์รี่ หรือว่าผลไม้ที่ให้คนสามารถเข้ามาเก็บได้ ถ่ายรูปได้ เราก็คือเตรียมการไว้ล่วงหน้าเลย เราก็กะไว้ว่าประมาณอีก 2 ปี เพราะเราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หมด จากที่ดินที่ไม่มีต้นไม้เลยค่ะ มีแต่หญ้า ก็เลยต้องรอเวลาสัก 2 ปีให้ลงตัว เราก็จะได้เรียนรู้ผ่านผืนดินนี้อีกสักพักเลย พอมันลงตัวแล้วก็กะว่าจะเปิดเป็นฟาร์มเกษตรสวนผสม แล้วก็จะทำเป็นคาเฟ่ แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นโฮมสเตย์ ฟาร์มสเตย์ มีกิจการต่อยอดกันไป มายด์กับพี่เพ็ชรก็จะเป็นคนที่ทิ้งตรงนี้ไม่ได้ เราจะต้องเข้าไปดูไปทำด้วยตัวเองค่ะ ไม่งั้นเราจะเป็นห่วง รอเวลาที่พร้อมก่อนดีกว่าค่ะ เราไม่ค่อยไว้ใจเวลาต้องฝากไว้ให้คนอื่นดูแล ก็เลยรอเวลาไม่รีบค่ะ ค่อย ๆ ทำไป ตอนนี้มีคนทักเข้ามาถามว่าอยู่ที่ไหน เราก็ได้แค่บอกไปกว้าง ๆ ไปก่อน ไว้พร้อมเปิดแล้วจะบอกอีกที

การทำเกษตรต้องลงแรงกับมันเยอะมาก ทั้งสองคนให้กำลังใจกันและกันยังไงบ้างคะ

มายด์ : (หัวเราะ) มายด์ไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะว่าที่บ้านจ.ชลบุรี เขาเป็นชาวสวนกันอยู่แล้ว แล้วมายด์ก็ชอบปลูกต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก ก็เลยรู้สึกว่าเราพอมีพื้นฐาน แต่พี่เพ็ชรเนี่ย มายด์ต้องมานั่งจูนเขา สอนเขาว่าทำแบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้ ต้องใช้อะไร เราต้องมาให้คำแนะนำเขาทุกอย่าง เพราะเขาเป็นคนเมืองที่ไม่เคย และไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ มายด์ก็จะให้คำแนะนำเขา ก็ช่วย ๆ กันไปค่ะ บางอย่างมายด์ก็ทำไม่ได้ต้องให้พี่เขาทำ เช่น ขุดดิน ใช้แรงต่าง ๆ แต่เรื่องปลูก เรื่องวางแผน วาดผัง เรื่องอื่น ๆ ก็จะเป็นมายด์ซะมากกว่าค่ะ

ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ จนมีฟาร์มเป็นของตัวเองแล้ว ภูมิใจไหมที่สวนเราเป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้

มายด์ : ช่วงแรกคือท้อนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าจากที่เป็นผืนดินเปล่า ๆ ไม่มีอะไรเลย เจอแดดร้อน ไม่รู้จะไปหลบที่ไหน มีทั้งช่วงที่ต้องกางเต้นท์นอนด้วย เพราะว่าเราต้องเฝ้าของ เจอทั้งอุปสรรคที่ผู้รับเหมาโกง เรื่องบ้าน เป็นคดีความ กว่าจะผ่านช่วงนี้มาได้นี่ โอ้โห ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ ต้องมีความรับผิดชอบเยอะมาก ๆ ก็พอผ่านมาได้เกือบปีแล้ว ได้เก็บผลผลิต ได้กินผลผลิตของตัวเองมันก็ชื่นใจนะ รู้สึกได้ว่าสวนเราเป็นรูปเป็นร่าง ต้นไม้มันเขียวขึ้น โตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าใครไม่เคยเจอฟีลแบบนี้จะไม่รู้เลยว่าความชื่นใจกับสิ่งที่เราลงมือไปมันฟีลแบบไหน ก็รู้สึกชื่นใจ ดีใจค่ะ

การเป็นนักแสดงรูปร่างและผิวพรรณเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ แต่มาทำไร่ทำสวนแบบนี้ มีวิธีป้องกันตัวเองจากแสงแดดเมืองไทยยังไงบ้างคะ

มายด์ : ก็เป็นสิ่งที่หลายคนห่วงค่ะ เพราะว่าอาชีพแรกเราคือนักแสดง เป็นอาชีพหลัก การทำฟาร์มตรงนั้นเป็นอาชีพรองลงมา ด้วยระยะเวลาที่น้อยเพราะเราก็ต้องทำงานแสดง เราก็เลยต้องเร่งทำที่ฟาร์มเราให้เสร็จไวขึ้น เช่น ถ้ามีเวลาว่าง 2 วัน มายด์ก็ต้องปลูกเองให้เสร็จใน 6 ไร่ เพราะมายด์ไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น (หัวเราะ) มายด์ก็จะใส่เสื้อสามชั้นเลยค่ะ ใส่ที่คลุมหน้า ใส่หมวกทับ ปิดคลุมอีกที ทากันแดดวันละ 2-3 รอบ โห...แต่ก็ยังไม่รอดนะคะ เพราะว่ากลับมายังดำแดดอยู่ จนต้องคุยกับพี่เพ็ชรว่าทำยังไงดี ตอนหลังก็พยายามออกไปทำเป็นบางช่วง เช่น ออกไปตอนที่แดดร่ม ถึงจะไปทำ เพราะไม่งั้นจะไม่คุ้นกัน ก็จ้างคนมาช่วยบ้าง แต่บางอย่างเราต้องทำเองจริง ๆ เพราะทิ้งไม่ได้ ตอนหลังช่วงโควิดจะมีเวลาว่างมากขึ้น มายด์ก็จะทำตอนเย็นเป็นต้นไป พอกลางคืนก็เริ่มลงปลูก เพราะมีเวลามากขึ้น จะมาทำตอนกลางวันไม่ได้ เพราะผิวจะคล้ำ เล่นเป็นคุณหนูไม่ได้ (หัวเราะ)

มองอนาคตของตัวเองและชีวิตคู่ไว้อย่างไรบ้าง

มายด์ : สำหรับมายด์คิดว่าถ้าวันนึงในวงการบันเทิง มายด์ถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือว่าอยากทำอย่างอื่นมากกว่า มายด์ก็อาจจะมีสวนของตัวเองด้วย ส่วนอนาคตในเรื่องของความรักเรายังมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน มายด์ก็อาจจะซื้อที่เพิ่มในละแวกนั้น แล้วก็ทำเพิ่มไป ไม่อยากไปไกลมาก เหมือนเรามาเริ่มไว้ที่นี่แล้ว ก็ไม่อยากวิ่งไปมาหลายที่ ก็อาจจะทำเป็นฟาร์มสเตย์ที่โน่น เพราะเราก็ชอบอยู่กับธรรมชาติ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบทำงานศิลปะ ชอบทำอะไรเงียบ ๆ มายด์เป็นคนไม่ค่อยชอบอยู่ในเมือง ก็เลยชอบความสงบหน่อยค่ะ

สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีน พร้อมฝากช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ

มายด์ : สุดท้ายนี้มายด์ก็อยากฝากให้ทุกคนติดตามมายด์ในบทบาทต่าง ๆ นะคะ ซึ่งตอนนี้มายด์เล่นหลากหลายบทบาทมาก ๆ ก็อยากให้ทุกคนติดตามว่าคาแรกเตอร์แตกต่างกันยังไง บทไหนสนุก ชอบแบบไหน ก็หลังไมค์กันมาได้นะคะ แล้วก็อยากจะฝาก “The Florimel Farm เดอะโฟลลิเมล ฟาร์ม” ด้วยนะคะก็เป็นฟาร์มเกษตรสวนผสมนะคะที่มายด์กับพี่เพ็ชรร่วมกันสร้างมาด้วยกัน แล้วก็ตั้งใจมากว่าวันนึงอาจจะมีโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาเที่ยวชมกัน หรือมาใช้บริการฟาร์มสเตย์ โฮมสเตย์น้อย ๆ ให้ทุกคนมาชมบรรยากาศกันที่นี่ค่ะ

Thanks

Mind Tarika Insuwan / มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์

IG : @mindtarika

Clothes : @bchurunway (Bchu Runway)

ขอบคุณสถานที่ : @drink76_coffee ร้าน Drink 76 Coffee ปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 9

Special thanks : @bee_emily

Photographer : Thanravee Khamthuen @iamjames_tk

Graphic Designer : Jamjuree Phetcharat @jam_2p

Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon

Column Writer : Nathanich Srijumnong @myselfworth_ 

You can share this post!

MANGU E-Magazine Entertainment Issue 212 : ทำความรู้จักกับ "บูม จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต Boom-Jiratpisit Jaravijit" หนุ่มหล่อที่ไม่ได้มีดีแค่รอยยิ้ม จาก “I Need Romance รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ”

MANGU E-Magazine Entertainment Issue 210 : รู้จักกับเธอ “หวาหว่า - ธัญพร ชีวินกิตติบุญ” (宋庭熏) นักร้องสาวหน้าใหม่จาก HIGH CLOUD ENTERTAINMENT กับเพลงใหม่ล่าสุด "Crush On You"