news-details

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 216 (15th September 2021) สัมภาษณ์ คุณตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรม (Tukky Sudarat Bootprom) ราชินีแห่งคอเมดี้ไทยที่ไม่มีสคริปต์ พูดคุยกับคุณตุ๊กกี้ในทุกบทบาทรายการวาไรตี้ตลกที่ผ่านมา รวมทั้งเคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานและการใช้ชีวิต

 นักแสดงตลกที่ไม่ต้องมีสคริปต์

สัมภาษณ์ราชินีตลกไทย สุดารัตน์ บุตรพรม (ตุ๊กกี้)

ศิลปะแห่งการแสดงตลกมีต้นกำเนิดในสมัยกรีกโบราณโดยใช้เทคนิคที่เกินจริง โครงสร้างที่ชาญฉลาด และแนวตลกขบขันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องจริงในสังคมจึงกระตุ้นให้ผู้คนคิดอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เนื่องจากการแสดงของศิลปินมีมุมที่แตกต่างกันและไม่เหมือนกัน ความตลกขบขันจึงแบ่งออกเป็นหลายประเภท เนื่องจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเวลา รูปแบบของความขบขันจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในโลกศิลปะตะวันตก เมื่อพูดถึงดาราตลกที่โด่งดังที่สุด คนที่จะกล่าวถึงอย่างแน่นอนคือแชปลิน ปรมาจารย์ด้านคอมเมดี้ระดับโลก ผู้สร้างแบบจำลองการแสดงตลกทางเลือกด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายที่เกินจริงและทักษะการเล่นละครใบ้ที่ยอดเยี่ยม ในประเทศจีนแตกต่างจากศิลปะการแสดงของประเทศตะวันตก และดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มที่จะแสดงออกทางศิลปะทางภาษามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของการพูดคุยข้ามมิติแบบดั้งเดิม "Deyun Society" หรือรายการยอดนิยม "Talk Show Conference" ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาว ทักษะทางภาษาก็แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ เมื่อคุณดูคอมเมดี้ไทยครั้งแรก ดูเหมือนยากสำหรับคุณที่จะค้นหาลักษณะนิสัย แต่เมื่อเข้าใจลึกซึ้งขึ้น คุณจะพบว่าคอเมดี้ของไทยเป็นปรมาจารย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งการแสดงออกที่เกินจริงของประเทศตะวันตกและที่ฝังลึก นอกจากนี้ยังมีความหมายภาษาจีนที่ลึกซึ้งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย บุคคลที่เป็นตัวแทนมากที่สุดคือดาราตลกชาวไทยสุดารัตน์ บุตรพรม (ตุ๊กกี้)

จุดเริ่มต้น "ตุ๊กกี้ อิงลิช"

ตุ๊กกี้ ซูเปอร์สตาร์ตลกชาวไทย เปิดถนนสายคอมเมดี้ของเธออย่างเป็นทางการในปี 2547 โดยนำแสดงในภาพยนตร์ตลกเรื่อง "แยม ยโสธร" ในปี 2010 ภาพยนตร์เรื่อง "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก" ได้รับความนิยมในเอเชียตุ๊กกี้ รับบทเป็น "ครูอิน" เธอใช้วิธีการแสดงที่แท้จริง และการแสดงออกทางสีหน้าที่จริงจัง เธอทำให้ผู้ชมในจีนและทั่วโลกสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขันของตลกที่เป็นของไทยโดยสัญชาตญาณ หลังจากนั้นตุ๊กกี้รับหน้าที่เป็นแขกรับเชิญในรายการวาไรตี้ "ตลก 6 ฉาก" ในรายการนี้ เธอรับบทเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ “ครูเพ็ญศรี” ที่ทำให้ผู้ชมจดจำบทบาทนี้ได้อย่างรวดเร็วด้วยชุดแฟนซีของเธอ นอกจากนี้ ตุ๊กกี้ยังได้รวมทักษะการออกเสียง "ภาษาอังกฤษคาราโอเกะ" ทักษะการออกเสียงของเขาถูกรวมเข้ากับลักษณะการออกเสียงภาษาอังกฤษของภาษาไทย ทำให้เกิด "Tukky English" ที่ไม่เหมือนใคร รายการวาไรตี้ "ตลก 6 ฉาก" นั้นเกิดจากการเพิ่มองค์ประกอบ "ภาษาอังกฤษตุ๊กกี้" ไม่เพียงแต่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้นสองเท่า แต่ยังได้รับประโยชน์จากการแชร์ต่อในอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้ชมและชาวเน็ตต่างชาติจำนวนมากเลียนแบบ "ตุ๊กกี้อังกฤษ" ทุกวันนี้คุณยังสามารถดูวิดีโอภาษาอังกฤษของตุ๊กกี้บนโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีนได้ ถ้าเรื่อง "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก" ทำให้เราเข้าใจเรื่องตลกไทยแล้ว "Tukky English" ทำให้เรารู้สึกถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของรายการวาไรตี้ตลกไทย

บทบาทมาจากชีวิต การแสดงไม่ได้ถูกกำหนดไว้

สำหรับตุ๊กกี้ที่ยังไม่ได้เรียนการแสดงอย่างเป็นทางการเขาต้องการ "พิชิต" ทุกบทบาทที่เขาเล่น จากตุ๊กกี้ที่ไม่เคย "แสดง" สู่ "การแสดง" เลยเป็นการสร้างสรรค์ที่มาจากชีวิต “ครูเพ็ญศรี” เป็นหนึ่งในตัวละครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดที่ตุ๊กกี้สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนั้นมาจากครูของเธอเองที่ผสมผสานตัวละครของครูในชีวิตเข้ากับตัวละครผ่านการคิดทางการแสดง ไม่เพียงแค่นั้น ชุดแปลกๆ ของตัวละครทุกตัวยังทำด้วยตัวเองอีกด้วย ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง ตุ๊กกี้เคยเป็นพนักงานแผนกเสื้อผ้าของ WORKPOINT เนื่องจากมีประสบการณ์ในการจับคู่เสื้อผ้า ทุกชุดของ "ครูเพ็ญศรี" ออกแบบและสร้างเอง เพราะชุดที่เป็นเอกลักษณ์นี้จึงเติมจิตวิญญาณให้กับตัวละคร

 

ถ้าพูดถึงการสร้างตัวละครของตุ๊กกี้ เทอได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิต การตีความตัวละครตลกของตุ๊กกี้นั้น เป็นเรื่องของการรักษาความรู้สึกที่แท้จริงมากกว่า "บทบาทของฉันไม่ได้ถูกกำหนด ฉันมีเพียงแค่โครงเรื่อง และที่เหลือก็ให้ฉันเล่นออกมาในทันที" ตุ๊กกี้จะได้รับโครงร่างเรื่องราวจากทีมผู้กำกับก่อนการบันทึก ใน "ตลก 6 ฉาก" แต่ละครั้ง ตุ๊กกี้ที่ทุ่มเทตัวเองเข้าไปในเนื้อเรื่อง และเมื่อเริ่มการถ่ายทำ เธออาศัยเค้าโครงเรื่องเพื่อที่จะตีความบทบาท และเธอมักจะสร้างประโยคหรือวลีเด็ดออกมาเสมอ เชื่อว่าความสามารถแบบนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก แต่เป็นการเรียนรู้ และสะสมในแต่ละวันให้มากขึ้นนั่นเอง

 

นิตยสาร @ManGu Magazine จะพาคุณเข้าสู่เรื่องราวของสุดารัตน์ บุตรพรม ราชินีแห่งคอเมดี้ไทย พร้อมรับฟังทุกแง่มุมในชีวิตตลกของเธอ

ManGu : ผู้ชมส่วนใหญ่ในประเทศจีนรู้จักคุณตุ๊กกี้ผ่านบทบาทของ "ครูอิน" ใน "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก" สำหรับคุณตุ๊กกี้ "คิดว่างานไหนคลาสสิคที่สุด หรือคิดว่างานไหนที่คนพูดถึง และให้ความสนใจมากที่สุดคะ"

ตุ๊กกี้ : ฉันคิดว่า “ชิงร้อยชิงล้าน” และ “ตลก 6 ฉาก” ทั้งสองรายการเป็นรายการวาไรตี้ตลก รายการแรก ที่ทำให้ฉันมีชื่อเสียง และทำให้คนอื่นรู้จักฉันมากขึ้น “ตลก 6 ฉาก” ทำให้ฉันเป็น “ดาราตลก” ในใจของทุกคน และบทบาทของฉัน “ครูเพ็ญศรี” ใน “ตลก 6 ฉาก” ได้รับความนิยมมากในโซเชียล ก็เลยทำให้ฉันเป็นที่รู้จักจากแฟนๆ ต่างชาติมากขึ้น

ManGu : “ครูเพ็ญศรี” ใน “ตลก 6 ฉาก” เป็นหนึ่งในตัวละครที่ประสบความสำเร็จของคุณ คุณตั้งใจที่จะสร้างตัวละครตัวนี้ให้ออกมาแนวไหนคะ

ตุ๊กกี้ : ตอนแรกฉากใน “ตลก 6 ฉาก” ธรรมดามาก มีแต่ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านนม ฯลฯ ตอนนั้น ผู้เขียนบทของรายการต้องการเปลี่ยน และเพิ่มฉากบางฉากให้กับผู้ชมที่ยังเป็นเด็กๆ ในฐานะที่เป็นแขกรับเชิญประจำของรายการ ฉันได้รับภารกิจจากทีมงาน ผู้เขียนบทจำเป็นต้องเพิ่มฉากในห้องเรียน และให้ฉันรับบทเป็นครู หลังจากได้รับงานแล้ว ก็คิดในใจว่าบทบาทนี้ควรเป็นแบบไหน ตอนแรกฉันนึกถึงครูของฉัน เพราะรู้สึกว่าการแสดงที่ดีต้องมาจากชีวิต ฉันเลยสรุปลักษณะบุคลิกภาพของครู และนำไปใช้กับบทบาทของฉัน และฉันยังเคยได้ทำงานในแผนกเสื้อผ้าของ WORKPOINT ฉันเลยใช้ประสบการณ์ตรงนี้ใส่ไปกับลุคของ "ครูเพ็ญศรี" ออกแบบด้วยตัวเอง พูดได้เลยว่า "ครูเพ็ญศรี" ถูกสร้างขึ้นตามความคิดของฉันเอง ตั้งแต่เสื้อผ้าชั้นนอกจนถึงบุคลิกภายใน

ManGu : คุณสร้างฉากที่มีชื่อเสียงมากมายของ "Tukky English" ใน "ตลก 6 ฉาก" อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณสร้าง "Tukky English" ?

ตุ๊กกี้ : แรงบันดาลใจของฉันมาจาก "ภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่น" ซึ่งคล้ายกับการออกเสียงของคาราโอเกะ ต้องพูดทีละคำ อันที่จริง ตอนที่ฉันเริ่มสร้าง "ตุ๊กกี้ อิงลิช" ครั้งแรก ก็มีคนไม่เห็นด้วย พวกเขาคิดว่า "ตุ๊กกี้ อิงลิช" ของฉันกำลังทำลายการออกเสียงของภาษาต้นฉบับ แต่ก็มีแฟนๆ มาอธิบายให้ฉันว่าเราเป็นรายการตลกที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ ฉันเลยรู้สึกขอบคุณแฟนๆ ของฉันเป็นอย่างมาก

ManGu : "คุณครูเพ็ญศรี" กับ "คุณตุ๊กกี้" เหมือนหรือต่างกันยังไงบ้าง?

ตุ๊กกี้ : ฉันคิดว่าสิ่งที่เหมือนกันที่สุดของเรา คือเราชอบที่จะให้ความรู้กับผู้อื่น ตั้งแต่ฉันเข้าสู่วงการบันเทิง ฉันได้เรียนรู้ทุกอย่างจากรุ่นพี่ ฉันรู้สึกขอบคุณรุ่นพี่ ที่สอนฉันอย่างดีในตอนนั้น ฉันเลยรู้ว่าการมีรุ่นพี่ที่นำพาฉันไปสู่ความก้าวหน้าเมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงนั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฉันจึงรู้สึกยินดีที่จะให้คำแนะนำ และสอนประสบการณ์ชีวิตบางอย่างให้กับรุ่นน้อง

ManGu : อยากให้พูดความประทับใจที่มีต่อ "มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์" หน่อยค่ะ

ตุ๊กกี้ : อันที่จริงตอนแรกฉันไม่รู้จักเขา เพราะไม่ค่อยได้ดูทีวีหรือภาพยนตร์ จนวันนึงทราบจากทีมงานว่าจะมีคนมาเล่นเป็นลูกของครูเพ็ญศรี ฉันรู้สึกได้เลยว่าการที่จะสรา้งตัวละครนี้ขึ้นมา ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หมายความว่าเขาจะต้องมีบทบาทสำคัญ ถึงได้รับเลือกให้มาเล่นบทนี้ นั่นทำให้ฉันยิ่งอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร? ฉันก็เลยค้นหาเขาใน Google และถึงรู้ว่าเขาดังมาก สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจมากที่สุดเกี่ยวกับเขาคือ เขาอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ในการเล่นครั้งแรกของเรา เขาขอให้ฉันให้คำแนะนำบางอย่างกับเขา ถึงเขาจะโด่งดังมาก แต่เขาก็ไม่ถือตัว และมาพร้อมกับความอยากเรียนรู้ตลอดเวลา เขาถามฉันว่าเล่นบทนี้ยังไงดี ฉันบอกเขาว่าก่อนอื่นเลยต้องทำตามสคริปต์ ลูกชายของครูเพ็ญศรีเป็นคนเชื่อฟังแม่มาก แต่เขาก็รักเพื่อนด้วย ฉันคุยกับเขาแค่ครั้งเดียว และหลังจากนั้นประมาณ 4 สัปดาห์ เขาก็สามารถแสดงบทบาทนี้ได้ดีโดยที่ฉันไม่ต้องสอนอีกเลย สำหรับฉันเขาเป็นคนที่เก่ง และนิสัยดีมากๆ คนนึงเลยก็ว่าได้ 

ManGu : ปกติมีวิธีการซ้อมบท หรือฝึกเล่นมุกยังไงบ้างคะ

ตุ๊กกี้ : ตรงนี้ไม่ต้องซีเรียสมากก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก" หรือ "ตลก 6 ฉาก" บทบาทเหล่านี้ฉันเล่นเองจากความรู้สึก ฉันต้องการแค่เค้าโครงเรื่อง อย่างเช่น ผู้กำกับบอกฉันว่าฉากคือ "วันนี้ ลูกชายของครูเพ็ญศรีจะขโมยเงินของเธอ และชวนเพื่อนมากินหมูกระทะ ครูเพ็ญศรีกินข้าวกับลูกชายของเขาตอนที่เขากำลังหิว และลืมที่จะโกรธเขา" และอีกเยอะแยะเลย ฉันจะซ้อมกับนักแสดงก่อนและพูดว่า คุณแค่ตอบคำถามฉัน คุณไม่จำเป็นต้องเล่นมุก ฉันจะเล่นเอง ที่คุณต้องทำคือเข้าสู่บทบาทนั้นจริงๆ ก็พอ

ManGu : หลายคนมองว่าคุณตุ๊กกี้เป็น "ราชินีตลก"  มีความรู้สึกยังไงกับชื่อนี้คะ

ตุ๊กกี้ : ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ชื่อนี้กับฉัน แต่ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองดีที่สุดหรอกนะ แต่ก็จะไม่ปฏิเสธคำชมเหล่านั้น จะน้อมรับ และพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ

ManGu : ในประเทศจีน ตลกมีหลายรูปแบบ การพูดคุยตลก และบทความสั้นๆ ตอนนี้มีการแสดงรูปแบบใหม่ "ทอล์คโชว์" คุณคิดว่าจุดเด่นที่สุดของตลกไทยคืออะไร?

ตุ๊กกี้ : เมื่อเทียบกับสไตล์ตลกของประเทศอื่นๆ จุดเด่นที่สุดของประเทศไทย คือ ไม่มีการจำกัดจำนวนของการ "เล่นมุก" เช่นเดียวกับแชปลินปรมาจารย์ละครใบตะวันตก และในประเทศไทยไม่จำกัดจำนวนคน เล่นคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ แต่การ "เล่นมุก" เราต้องตามให้ทันเทรนด์ เพราะตอนนี้โซเชียลไปไวมาก ถ้าไม่ตามกระแสใหม่ๆ ก็ยากที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้คนหัวเราะได้ค่ะ

ManGu : ช่วยแชร์มุกที่คุณชอบเล่นในช่วงนี้กับทุกๆ คนหน่อยได้ไหมคะ?

ตุ๊กกี้ : “ถ้าเนื้อคู่ยังไม่ว่าง งั้นขอเนื้อย่างก่อนก็ได้ 5555555555”

ManGu : คุณอยู่ในวงการมา 17 ปีแล้ว ในฐานะรุ่นพี่ในวงการตลกไทย คุณอยากฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ในวงการตลกไหมคะ

ตุ๊กกี้ : อย่าไปสนใจความคิดของคนอื่นมากเกินไป ให้เป็นตัวของตัวเอง ฉันเป็นคนที่ชอบหัวเราะเสียงดัง แต่พอฉันเริ่มเข้าวงการแรกๆ ผู้ชมบางคนไม่ชอบฉัน เพราะฉันหัวเราะเสียงดัง ความคิดแรกของฉัน คือ การเปลี่ยนแปลงตัวเอง เลยจะเอามือปิดปากตัวเองทุกครั้งที่หัวเราะ มีอยู่ครั้งนึงที่ฉันเห็นคนดูคอมเม้นท์ว่าเสียงหัวเราะของฉันหายไป ไม่เหมือนการแสดงของตุ๊กกี้เลย จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่ามันถูกไหมที่ทำแบบนี้? บางครั้งมีคนที่ไม่เห็นด้วยแค่ไม่กี่คน แต่ถ้าคุณคิดมากเกินไป สุดท้าย...คุณอาจจะสูญเสียผู้ชมมากขึ้นก็ได้

ManGu : พูดถึง "ตุ๊กกี้" คนส่วนใหญ่จะนึกถึงผลงานตลก เคยคิดบ้างไหมว่าอยากจะเล่นแนวอื่นๆ ที่ไม่ใช่แนวตลก

ตุ๊กกี้ : เคยคิดค่ะ ฉันอยากจะเป็นผู้กำกับ อยากแสดงละคร นี่คือสิ่งที่ฉันยังไม่เคยได้ลองทำ ฉันอยากเป็นผู้กำกับ และกำกับภาพยนตร์เกี่ยวกับ "ความกตัญญู" ค่ะ

ManGu : ในวันที่รู้สึกเหนื่อยหรือเจอปัญหา มีวิธีการให้กำลังใจตัวเองอย่างไรบ้างคะ?

ตุ๊กกี้ : จะนึกขอบคุณโชคชะตา และโอกาสทุกอย่างที่ทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ยังมีโอกาส จะทำสิ่งนี้ให้ดีอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่บอกกับตัวเองทุกวันค่ะ

ManGu : แล้วคุณมีแผนอะไรในอนาคตไหม?

ตุ๊กกี้ : ปัจจุบันฉันทำงานอยู่ที่ WORKPOINT อันที่จริงฉันอยู่ในแวดวงนี้มาตลอด สำหรับฉันคิดว่าเคล็ดลับของฉันคือการทำงานหนัก สร้างสรรค์ผลงาน และพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้านค่ะ

ManGu : มีคอมเมดี้เรื่องไหนที่คุณอยากจะแนะนำให้กับผู้ชมชาวจีนหรือทั่วโลกบ้างไหม?

ตุ๊กกี้ : ฉันอยากแนะนำรายการวาไรตี้ "เท่งโหน่งวิทยาคม" มากๆ ค่ะ รายการนี้น่าสนใจมาก เข้าใจง่าย แต่เสียดายรายการนี้ไม่มีฉายแล้ว ถ้าทุกคนมีเวลาก็อยากให้ไปดูย้อนหลังนะคะ แนะนำเลยค่ะ

ManGu : นอกจากงานในวงการคุณตุ๊กกี้ยังทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองด้วย มีน้ำปลาร้ากับลูกอมใช่ไหมคะ ทำไมถึงสนใจมาทำธุรกิจของตัวเองคะ

ตุ๊กกี้: สินค้าที่ฉันทำตอนนี้คือ "น้ำปลาร้าราชา" สูตรนี้คิดค้นขึ้นเอง และออกตลาดมา 3 ปีแล้ว มีขายใน 7-11 และเดอะมอลล์กรุ๊ป ปีนี้ฉันก็ยังจะทำของใช้ในชีวิตประจำวันขายเพิ่มเติม เพราะฉันคือเสาหลักของครอบครัว เลยเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ ขอแค่เป็นงานที่มีกำไรฉันยินดีที่จะทำค่ะ

ManGu : สุดท้ายนี้มีอะไรอยากบอกกับผู้อ่านไหม?

ตุ๊กกี้ : หลายปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่รักและสนับสนุนผลงานของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก สำหรับแฟนคลับที่สนับสนุนฉัน ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้น และนำความสุขมาให้กับทุกคนค่ะ :)

 

Thanks

Tukky Sudarat Bootprom / ตุ๊กกี้-สุดารัตน์ บุตรพรม

 

IG : @tukky66

Twitter : @Tukky_ching100

Facebook : Tukky Sudarat

TikTok : tukky66

Youtube : TUKKY OFFICIAL

 

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon  

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 217 (1st October 2021) สัมภาษณ์คุณ แกรทเชียโน่ เยิง (Gratiano Yeung) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า Roojai.com

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 215 (1st September 2021) สัมภาษณ์ คุณนันทินี แทนเนอร์ (Nunthinee Tanner) กรรมการผู้จัดการของ Link & B.Grimm Limited (LBG) และนักโปโลหญิงคนแรกของประเทศไทย