news-details

MANGU E-Magazine ISSUE 217 (1st October 2021) คอลัมน์ Star พบกับ “จา-พชร สวนศรี” & “เฟริสท์-ฉลองรัฐ นอบสำโรง” สองหนุ่มนักแสดงนำจากซีรีส์วาย "Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน" ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

สัมภาษณ์ จา & เฟริสท์ นักแสดงนำจากซีรีส์ “Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน

“Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน” เมื่อสถานะเปลี่ยนจาก เพื่อน เป็น แฟน เพื่อนสนิทกว่าสิบปีอย่าง "เลโอ" ที่รับบทโดย จา พชร และ "เฟียซ" ที่รับบทโดย เฟริสท์ ฉลองรัฐ พวกเขาจะทำอย่างไร และพูดถึงการเจอกันครั้งแรกในซีรีส์เรื่องนี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะได้มาร่วมงานกันในซีรีส์ “Don't Say No The Series” จาและเฟริสท์เคยร่วมงานกันครั้งแรกในซีรีส์ “TharnType The Series SS2” ซีรีส์เรื่อง "Don't Say No The Series" เป็นภาคต่อจากซีรีส์ " TharnType The Series SS2" ที่เล่าเรื่องราวของ เลโอ และ เฟียซ แบบเจาะลึกมากกว่าเรื่องก่อนหน้า ซีรีส์ทั้งสองเรื่องนี้จึงกลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมากในตอนนี้ และ จายังได้แสดงในซีรีส์เรื่อง Beauty Boy The Series และ Until We Meet Again The Series ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง เฟริสท์ เป็นกีฬานักแบดมินตันมืออาชีพในสโมสร T.Thailand Badminton เขาได้รับรางวัลระดับโลกในประเภทแบดมินตันเดี่ยวและคู่ชาย เริ่มตั้งแต่นักแบดมินตันมืออาชีพไปจนถึงนักแสดง และมีผลงานแสดงในซีรีส์ "Social Death Vote" และ " 2gether The Series" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากแฟนคลับ

 

นิตยสาร @ManGu Magazine ฉบับนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ จา พชร และ เฟริสท์ ฉลองรัฐ สองนักแสดงนำจากซีรีส์ “Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน”

ManGu : อยากให้ทั้งสองคนแนะนำตัวพร้อมประวัติคร่าวๆ และผลงานที่ผ่านมาหน่อยค่ะ

จา : สวัสดีครับ ผมจา พชร สวนศรี นะครับ ผลงานที่ผ่านมาก็จะมี “Beauty Boy The Series” “Until We Meet Again The Series” “TharnType The Series SS2” แล้วก็ Don't Say No The Series” ผลงานปัจจุบันครับ

เฟริสท์ : สวัสดีครับ ผมเฟริสท์ ฉลองรัฐ นะครับ ผลงานที่ผ่านมาก็จะมีโฆษณาทั้งของไทย และต่างประเทศครับผม ส่วนซีรีส์ก็จะมีเรื่อง “2gether The Series“TharnType The Series SS2” “Don't Say No The Series” ครับ

ManGu : ช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการบันเทิงให้แฟนๆ ฟังหน่อยค่ะ

จา : จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการบันเทิงของผมมาจาก “พี่รหัส” ครับ คือพี่รหัสผมเขามีโมเดลลิ่ง เขาทำงานในวงการอยู่แล้วด้วยครับ แล้วพอวันที่พี่รหัสเขาเรียนจบ ผมก็ไปแสดงความยินดีกับเขา ด้วยความที่เราก็ค่อนข้างสนิทกันด้วย เขาก็เลยถามผมว่า อยากลองมีผลงานการแสดงไหม ผมก็เลยอะ ลองดูหน่อยละกัน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงครับ

เฟริสท์ : ส่วนจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการบันเทิงของเฟริสท์เป็นเหมือนเรื่องบังเอิญครับ เมื่อก่อนผมเป็นนักกีฬาแบตครับ ก็เป็นเด็กที่อยู่ต่างจังหวัด เราก็เข้ามาในกรุงเทพเพื่อจะมาเป็นนักกีฬาเต็มตัวแบบมืออาชีพ มาเรียนแล้วก็มาซ้อมกีฬาที่กรุงเทพด้วย และความที่ผมมาจากต่างจังหวัด ก็จะต้องไปสถานที่ยอดฮิตสักหน่อย ก็คือสยามครับ ผมอะไปทุกอาทิตย์เลย ไม่รู้ไปทำอะไรเหมือนกัน 555555 ไปเฉยๆ แบบเดินเล่นเรื่อยเปื่อยครับ แล้วบังเอิญพี่ที่เขามีโมเดลลิ่งเดินผ่าน เมื่อก่อนเขาจะเรียกว่า แมวมอง ใช่มั้ยครับ เขาเจอเขาก็แบบขอเบอร์โทรพ่อแม่ เราก็ตกใจด้วย งงด้วย ว่าแบบ เอ๊ะ! โดนหลอกหรือป่าว สุดท้ายก็คือเขาก็ติดต่อพ่อแม่เรา ให้เราไปแคสโฆษณา ซีรีส์ให้หน่อย แคสมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงจนถึงปัจจุบันค้าบบ

ManGu : แนะนำหน่อยว่าในซีรีส์เรื่อง Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน” แต่ละคนรับบทเป็นใคร และคาแรคเตอร์เป็นยังไงบ้าง

จา : ใน “Don't Say No The Series” ผมรับบทเป็น “เลโอ” ครับซึ่งคาแรกเตอร์ เลโอ เนี่ยจะแบบเป็นคนที่นิ่งๆ เงียบๆ สุขุมแล้วก็เป็นคนคลั่งรักมากครับ แต่ว่าจะไม่ครั่งรักเปิดเผยให้คนอื่นรู้ แบบไม่เกินหน้าเกินตา อึ๋ย หรือว่าจะเกินหน้าเกินตานะ 5555555 เขาจะไม่โจ่งแจ้งแบบอยากให้คนอื่นรู้อะครับ แต่ก็แบบคนที่เขารักจะมองออกว่านี่คือการแสดงความรักในแบบของเขา

เฟริสท์ : ผมรับบทเป็น “เฟียซ” ครับผม เฟียซ เนี่ยเป็นแฟนของ เลโอ ก็คือคาแรคเตอร์ของเขาเนี่ย ถ้าเป็นเรื่องก่อนเราจะเห็นอีกคาแรคเตอร์นึง เขาจะแบบเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้ เขาจะทำทุกอย่างจะไม่สนใจว่ามันถูกหรือมันผิด เขาจะเป็นคนแบบนั้น แต่มาในเรื่องนี้มันเหมือนเราจะได้เห็นในมุมมองอื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน แฟน ครอบครับ ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่ร้ายอะไร แถมยังมีความตลก มีโดนแกล้งบ้าง อยากให้ทุกคนไปดูกันนะครับ

ManGu : แล้วคิดว่าตัวเองมีอะไรที่เหมือนหรือคล้ายกับคาแรกเตอร์ “เลโอ และ เฟียซ ” บ้างไหม

จา : มุมที่เหมือนหรอครับ อาจจะเป็นการที่ เลโอ เขาเป็นคนที่ใช้เหตุผลเยอะ ซึ่งผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แบบจะชอบหาเหตุผล หาข้อเท็จจริงอะไรประมาณนั้นครับ ส่วนมุมที่ไม่เหมือนเลย ผมไม่ได้เงียบแบบ เลโอ ครับ เลโอเขาจะนิ่งๆ ไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกกับคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ผมจะค่อนข้างตรงกันข้ามครับ ผมพูดเยอะ ชอบชวนคุย 5555555555

เฟริสท์ : จริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าเราค่อนข้างจะแตกต่างกัน ระหว่างตัว เฟริสท์ เอง กับตัว เฟียซ มันไม่เหมือนกันเลย แต่พอช่วงที่กำลังค้นหาตัวละครว่า เฟียซ จะเป็นคนยังไง พอเริ่มแสดงไปเรื่อยๆ มันกลับเหมือนว่าเราเริ่มกลืนกัน มันเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

ManGu : เพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้เพลง “หัวใจใกล้เธอ” เป็นการร้องเพลงร่วมกันครั้งแรกของทั้งจา และเฟริสท์ บรรยากาศตอนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ

จา : บรรยากาศตอนนั้นนะครับ เพลงแรกเลย “หัวใจใกล้เธอ” ก็รู้สึกว่าตื่นเต้นครับ เพราะว่าผมก็ไม่เคยอัดเพลงมาก่อน ผมเป็นคนเล่นดนตรีนะครับ อยู่ในวงดนตรีเล่นกีต้าร์ แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในเสียงร้องของตัวเองเลย แต่ว่าพอได้มาอัดเราก็รู้สึกว่าเราต้องแอคทีฟมากขึ้น ฝึกซ้อมมากขึ้นครับ ผ่านมาได้ก็รู้สึกดีครับ

เฟริสท์ : ก็ตื่นเต้นครับ ถึงเรื่องก่อนเราจะเคยอัดเพลงมาแล้ว แต่ว่าเราก็ไม่ใช่นักร้อง เราก็เป็นนักแสดงเนี่ยแหละครับ ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น ดีใจด้วยที่แบบว่าเราจะได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ของตัวเองนะ ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดครับ

ManGu : เรื่องนี้ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ “ปี้เก้ ภาสวุฒิ สุขบัว” รู้สึกอย่างไรบ้าง

จา : พอมาเรื่องนี้นะครับ หลังจากที่เราเคยร่วมงานกับพี่ปี้เก้มาแล้วเรื่องนึง เรารู้สึกว่าเราเริ่มรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร แต่ละซีนเขาจะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน เขาจะอยากเห็นเลโอในมุมไหนของแต่ละอารมณ์ เราจะเข้าใจเขามากขึ้น คือเราปรับไม่ตรงกับความคิดเขาเป๊ะๆ แต่ก็ใกล้เคียงครับ พอเทคแรกผ่านไป เทคต่อไปเขาก็จะแบบ อีกนิดนึงนะ เพื่อที่จะให้ออกมาเป็นคาแรกเตอร์เลโอที่สมบูรณ์ครับ ทำงานด้วยกันง่ายขึ้นมากเลยครับ

เฟริสท์ : รู้สึกว่าตอนนี้มันทำงานง่าย ดีใจที่ได้ทำงานกับพี่ปี้เก้อีกครั้งนึงครับ เพราะเราเคยทำงานร่วมกับเขามาก่อน เราก็เลยรู้ว่าเขาต้องการอะไร ต้องการแบบไหน มันเลยทำให้เรารู้สึกสนุกกับการทำงาน และรู้สึกสบายใจมากๆ ครับ

 

ManGu : ซีนไหนที่เข้าฉากด้วยกันแล้วรู้สึกเขินที่สุด

จา : น่าจะเป็นทุก NC เลยครับ >< เขินเพราะว่า NC หนึ่งคือเราต้องคงความคาแรกเตอร์เลโอไปด้วย แล้วก็เป็นเราไปด้วย มันก็จะมีหลายๆ ความคิด ทำให้เรารู้สึกกระอักกระอ่วนเขินข้างในครับ

เฟริสท์ : จาตอบว่าเป็น NC ผมก็คิดว่าเป็นซีนนั้นเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบซีนจูบ ซีนอะไรแบบน่ารักๆ ของเฟียซ บางทีเราก็เขินไปกับตัวละครด้วย ถ้า NC เยอะ เราก็จะเขินเยอะหน่อยครับ ^^

ManGu : อยากให้เล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อ “เลโอ และ เฟียซ” หน่อยค่ะ

จา : มันมีช่วงนึงที่เราจะต้องพักหยุดถ่าย รู้สึกว่าคิดถึงเขาเหมือนกันนะ เพราะเหมือน เลโอ ทำให้ผมรู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้นด้วย ก็อยากขอบคุณที่เข้ามาทำให้ผมมีความชัดเจนมากขึ้นครับ

เฟริสท์ : รู้สึกว่าเราเริ่มรักตัวละครนี้ เพราะรู้สึกว่าเราอยู่กับเขามานานน่าจะเป็นปี สองปีแล้ว เรื่องที่แล้วด้วย เรื่องนี้ด้วย เริ่มผูกพันบางทีก็รู้สึกใจหายเหมือนกันถ้าเกิดเราถ่ายเสร็จแล้ว ก็คงคิดถึงเขามากๆ เลยครับ

ManGu : เห็นว่าในเรื่องมีทีมบาสเก็ตบอลกันด้วย ปกติเราเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลกันอยู่แล้วไหมคะ หรือถ้าไม่ได้เล่นแล้วรู้สึกว่ามันทำให้ตอนถ่ายทำยากขึ้นไหมคะ

จา : ปกติผมจะเล่นฟุตบอลเป็นหลักครับ แต่ว่ามันจะมีช่วงนึงที่ผมเคยเจ็บ แล้วผมอยากเล่นกีฬามากก็เลยไปเล่นบาสครับ ก็เลยกลายเป็นว่าเล่นบาสเป็นไปด้วย แต่ไม่ถึงขั้นมือโปรไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ แต่ในเรื่อง เลโอ เป็นนักกีฬาของมหาลัยเลย ทีนี้มันเลยต้องเพิ่มความมืออาชีพเข้ามามากขึ้น ทางทีมงานก็ได้จ้างโค้ชทีมชาติมาเทรนเรา ก็เลยรู้สึกว่าเรายังห่างไกลจากจุดนั้นมาก แต่เราก็พยายามทำเต็มที่ครับ

เฟริสท์ : จริงๆ ผมเป็นนักกีฬาแบตครับ เราไม่เคยเล่นบาสมาก่อน ถ้าเล่นคงจะเล่นกับเพื่อนในโรงเรียนสนุกๆ อะไรแบบนั้นมากกว่าครับ พอรู้ว่าตัวเองต้องเล่นบาส แล้วเป็นกัปตันทีมบาสด้วย เราก็ค่อนข้างกดดันมากๆ อีกอย่างเวลามันก็ค่อนข้างกระชั้นชิดด้วย เหมือนเรามีเวลาเรียนแค่นี้ แต่เราต้องดูเก่งเป็นมือโปร เป็นกัปตันจริงๆ ผมก็เลยลองปรึกษาพี่ปี้เก้ดู แล้วก็ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย สุดท้ายก็ทำออกมาได้ และมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

ManGu : เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักที่เริ่มจากเพื่อนสนิท และพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นแฟน ถ้าเป็นตัวเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราคิดว่าจะบอกความในใจกับเขายังไงคะ

จา : สำหรับผมหรอ ผมอาจจะบอกเป็นการกระทำมากกว่า ผมรู้สึกว่าการกระทำที่เราแสดงกับเพื่อน และแฟนมันต่างกัน ค่อนข้างที่จะแบบเห็นได้ชัดเจน ถ้าเป็นเพื่อนกันก็คงไม่ทาลิปให้กัน หรือว่าไม่ดูแลกันทุกฝีก้าว ของผมน่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่จากความสัมพันธ์ที่จะขยับมากกว่าครับ

เฟริสท์ : ถ้าเป็นผมก็คง ทำดีกับเขาก่อน ส่วนตัวผมรู้สึกว่าถ้าเราเป็นเพื่อนแล้วแบบเราชอบเขา แล้วเราไม่รู้ว่าเขาชอบเราหรือป่าว ผมจะคิดก่อนว่า เอาไงดี มันต้องแบบดูเชิงก่อน เขาจะชอบเรามั้ย แต่ถ้าเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะบอก สักวันนึงเราจะเป็นแฟนเขาให้ได้เนี่ย ก็คงค่อยๆ ทำดีกับเขาไปเรื่อยๆ ให้เขาเริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ มันไม่เหมือนเพื่อนแล้วนะ แต่อาจจะเบาๆ ไม่ทำให้เขาอึดอัด ค่อยๆ ให้เขารู้สึก แต่ถ้าสมมุติเขาไม่โอเค เราก็ยอมรับ และเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมครับ

ManGu : เจอกันครั้งแรกตอนไหน เหตุการณ์เป็นยังไง ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วหลังจากร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

จา : ตอนเจอเฟริสท์ครั้งแรก คือตอนไปแคสครับ ก็รู้สึกว่าเขาตัวเล็ก ดูแบบว่าตัวเล็กน่ารักดี แต่ว่าพอได้เข้าไปแคสเนี่ย เราต้องแคสกับหลายคนมากเลยครับ เพื่อที่จะเอาคาแรคเตอร์ว่าเราคู่กับใครได้บ้าง ผมก็ได้แคสกับหลายๆคน จนได้มาเจอเฟริสท์ รู้สึกว่ามันโฟลว์มากครับ ตอนนั้นเรายังไม่รู้คาแรคเตอร์อย่างชัดเจนด้วยซ้ำ แต่เราแค่รู้สึกว่าคอนเนคกับเฟริสท์ รู้สึกว่าเขาเนี่ยแหละน่าจะเป็นคนที่ต้องคู่ด้วยครับ

เฟริสท์ : อย่างที่จาบอกเลยครับ ตอนนั้นเราไปแคสมันเหมือนกับว่าจะต้องเอาหลายคู่มาเจอกัน ตอนที่ผมเจอจาครั้งแรกผมรู้สึกว่าเขาดูตัวสูงเฉยๆ ครับ ไม่ได้คิดไร เขาตัวใหญ่มากครับ ละเขาแบบนิ่งๆ ครึมๆ อะไรอย่างนี้ ตอนแรกผมนึกว่าเขาเป็นพี่ด้วย ผมก็แบบ “สวัสดีครับพี่ พี่เอาไงก็เต็มที่นะครับ ผมได้หมดเลย” พอตอนเข้าไปแคสด้วยกัน มีแว็บนึงที่ผมรู้สึกว่าคนนี้เราเล่นไปด้วยกันแล้วมันสมูทดีจังเลย แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่ายังไง พี่ผู้ใหญ่จะเลือกคนไหน แต่เราแค่รู้สึกว่าอยากจะเล่นกับคนๆ นี้ครับ

ManGu : ถ้าให้คะแนนความสนิทกัน จะให้กี่คะแนน เพราะอะไรคะ

จา : ถ้าเต็ม 100 ให้สัก 90 ละกันครับ อีก 10% ให้เขามีพื้นที่ส่วนตัวเขาหน่อย บางอย่างเขาอาจจะแบบ อึ๋ย เขินเราอะไรอย่างนี้ 5555555

เฟริสท์ : ผมให้ 99.9 แล้วกัน ส่วน 0.000001 เนี่ย มันเป็นอะไรที่แบบว่า บางอย่างเราอาจจะต้องค่อยๆ เรียนรู้กันเพิ่มขึ้นไปอีก จากสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ

ManGu : มีไอดอลที่เราชื่นชอบไหม เพราะอะไรเราถึงชอบเขา

จา : น่าจะเป็น “Ryan Gosling” ครับ ที่เล่นเรื่อง La La Land ผมได้ดูผลงานเขาหลายๆ เรื่องแล้วรู้สึกว่าเขามีความสามารถในทุกรูปแบบเลยไม่ว่าเขาจะเล่นเรื่องอะไร ทั้งมิวสิคัลเขาก็เต้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Notebook ที่เป็นดราม่าเขาก็สามารถเล่นได้ ผมชอบการสื่อสารอารมณ์ของเขาครับ

เฟริสท์ : ของผมขอแบ่งเป็น 2 อย่าง ก็จะมีทั้งของไทยกับต่างประเทศครับ ถ้าไทยก็จะเป็น พี่ใบเฟิร์น (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) ครับ เขาเป็นคนที่เก่งมาก ผมดูละครเขาบ่อย และเยอะมากครับ คือเขาเป็นคนที่เข้าถึงบทบาทได้ทุกบทบาทเลยครับ ผมรู้สึกเขาเก่งมากจริงๆ เราก็อยากร่วมงานกับเขาแต่คือก็อยากให้ตัวเองเก่งกว่านี้ก่อน ถ้ามีโอกาสนั้นจะได้ทำให้เต็มที่ครับ ส่วนไอดอลต่างประเทศเป็นวง BTS ครับ แต่ว่าอันนี้เราไม่ถึงขั้นที่จะร่วมงานกับเขานะ เพราะเราเต้นไม่เก่ง เราแค่รู้สึกว่าอยากเจอเขา เขาเป็นไอดอลทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นไปอีกครับ

ManGu : แต่ละคนมีสิ่งที่ไม่ชอบหรือกลัวไหม แล้วมีสิ่งที่ชอบมากๆ หรือแพ้ทางบ้างไหม

จา : เอาที่ไม่ชอบก่อนแล้วกัน ไม่ชอบเลยนะก็อาจจะเป็น “ความสูง” ในที่นี้คือแบบว่าไม่มีอะไรจับ ความสูงที่เป็นพื้นกระจกใสแล้วเห็นลงไปข้างล่างเลยจะไม่กล้าเดิน แต่ถ้าเกิดมีอะไรให้จับก็ยังรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี TT ส่วนสิ่งที่แพ้ทางเลยนะครับ น่าจะเป็นการเตะบอล หรืออะไรที่เกี่ยวกับฟุตบอลครับ

เฟริสท์ : ผมกลัวเรื่องของ “ความคาดหวัง” อันนี้คือเรื่องของความรู้สึกนะครับ เพราะเรากลัวว่าสุดท้ายมันจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด ผมเลยเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับความเสียใจ แต่ถ้าเป็นสิ่งของผมกลัว “ตะขาบ” เพราะผมเคยโดนตะขาบเกาะขาตอนเด็ก แล้วผมก็สะบัดรองเท้าหายไปเลย แล้วก็เดินกลับบ้านไปแบบไม่มีรองเท้า รองเท้านักเรียนหาย โดนแม่บ่นเลย ส่วนอะไรที่แพ้ถ้าเป็นสิ่งของผมแพ้ทางอะไรที่เป็นพวกเฮลตี้ๆ ครับ เพราะช่วงนี้ผมดูแลตัวเองบ่อยครับ

ManGu : มีงานอดิเรกที่ชอบ หรือกิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษไหม

จา : ช่วงนี้ผมชอบทำ “ไม้บอนไซ” ครับ ไม้ที่เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ในป่า แต่ทำให้เป็นไม้เล็กในกระถางของเรา มันจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่า แต่เราสามารถมีป่านั้นเป็นของเราครับ

เฟริสท์ : ช่วงนี้ทำหลายอย่างมาก แต่ถ้าว่างๆ ผมชอบดูหนัง ดูละครมากเลย อย่างที่บอกผมชอบดูพี่ใบเฟิร์น พอดูแล้วก็จะศึกษาวิชาการแสดง เพื่อเอามาปรับใช้กับบทบาทที่เราได้รับครับ

ManGu : มีอะไรที่แฟนๆ ทำให้เราแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์หรือประทับใจที่สุดบ้างคะ

จา : ที่ประทับใจมากที่สุดเลยก็จะเป็นแฟนๆ ขึ้นบิลบอร์ด MBK ช่วงวันเกิดครับ แฟนๆ ทำให้แล้วก็แบบอยู่เป็นอาทิตย์เลย รู้สึกขอบคุณมากๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ตรงนั้น วันนึงเราตัดสินใจไปเพื่อที่จะไปดู แล้วก็ได้เจอแฟนๆ เจอกันก็รู้สึกว่าเขาแฮปปี้ ส่วนผมเองก็มีความสุขมากเช่นกันครับ

เฟริสท์ : จริงๆ ผมเซอร์ไพรส์ทุกอย่างเลยนะครับ เพราะแบบทุกๆ อย่างที่แฟนๆ ให้มา ผมไม่คาดคิดว่าชีวิตนึงเราจะมีอะไรแบบนี้ด้วย แต่ว่าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาให้มามันค่อนข้างจะสำคัญ แล้วก็เขาให้ด้วยใจ ถ้าเมื่อก่อนอย่างเราแค่ไปออกงานอะไรอย่างนี้ครับ มีคนมานั่งรอเราก็รู้สึกดีมากแล้วครับ เพราะเขามาตั้งแต่เช้า เขามานั่งรอไม่รู้ว่าจะได้เจอเรานานแค่ไหน แค่นี้ผมก็รู้สึกปลาบปลื้มมากแล้วครับ แล้วก็เรื่องขึ้นบิลบอร์ดที่ MBK แฮปปี้มากจริงๆ ครับ รู้สึกขอบคุณแฟนคลับทั้งไทย และต่างประเทศมากครับ

ManGu : ขอคนละ 1 ประโยค ที่บ่งบอกความเป็นตัวเรามากที่สุด ประมาณว่าถ้าพูดออกมาแล้ว จะนึกถึงหน้าเราเลย

จา : “พูดไปเรื่อย” ละกันครับ ผมเป็นคนที่ชวนคุยไปเรื่อย ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แล้วก็ชอบขี้แกล้งคนอื่นไปเรื่อยครับ

เฟริสท์ : คงเป็น “ห่วงใย” ละกันครับ ผมรู้สึกว่าผมอาจจะไม่แสดงออกแต่จะคอยคิดอยู่ตลอดว่าทุกคนจะเป็นยังไงครับ

ManGu : เร็วๆ นี้จะมีผลงานอะไรให้แฟนๆ ติดตามกันอีกบ้าง

จา : เร็วๆ นี้ก็ยังเป็น Don't Say No The Series” อยู่ครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวจะมาอัพเดตให้ทุกๆ คนทราบนะครับ

เฟริสท์ : ตอนนี้ก็ยังเป็น “Don't Say No The Series” ครับผม ตอนนี้ก็เดินทางมาครึ่งทางแล้ว ฝากแฟนๆ ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันต่อไปนะครับ

ManGu : สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่สนับสนุนเราหน่อยค่ะ รวมถึงให้ฝากช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ

จา : ครับก็อยากขอบคุณทุกคนมากเลยครับที่คอยอยู่ข้างๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงโควิด แต่ก็คอยซัพพอร์ตเราในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการถ่ายทำ หรือว่าการถ่ายทำเสร็จแล้วคอยดูซีรีส์ของเรา ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันนะครับ แล้วก็อยากฝาก “Don't Say No The Series” ตอนนี้ก็เกินครึ่งเรื่องแล้วก็อยากฝากทุกคนติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ

สำหรับช่องทางการติดตามของผมจะมี IG : @jjaajaaaa , Twitter : jaestsx ครับ

เฟริสท์ : อยากจะขอบคุณ ขอบคุณทุกๆ ความรู้สึกที่มีให้เรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของอะไรอย่างนี้ คือเราเก็บไว้หมดเลยนะ พวกการ์ดที่เขียนมาผมก็เก็บไว้หมดเลย บางทีเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีนหรือภาษาอื่นๆ เราก็แปลให้เข้าใจว่าเขาจะบอกอะไรกับเรา บางทีพอเราเหนื่อย หันมามองอะไรพวกนี้ ก็ทำให้เรารู้สึกดี เราเหนื่อยแต่ไม่เป็นไร ก็ยังมีพวกเขาที่นึกถึงเรา อย่างสตอรี่ไอจีที่แท็กๆ มาก็เห็นนะ เรารู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ถ้ามีโอกาสหวังว่าเราจะได้เจอกันนะครับผม

ฝากด้วยนะครับ IG : @first_fh , Twitter : firstfh5 ขอบคุณครับ

Thanks

Phachara Suansri (Ja) / พชร สวนศรี (จา)

Chalongrat Nobsamrong (First) / ฉลองรัฐ นอบสำโรง (เฟริสท์)

 

Phachara Suansri (Ja)

IG : @jjaajaaaa

Twitter : jaestsx

 

Chalongrat Nobsamrong (First)

IG : @first_fh

Twitter : firstfh5

Tiktok : chalongrat_first

Douyin 抖音: Chalongrat_fh

 

Make Up & Hair : @beedymeedy

 

Stylist : @Pphupoomcostume

 

Shoes : @ysl (Saint Laurent)

 

Special thanks : @sixsuperstar

 

Photographer : Thanravee Khamthuen @iamjames_tk

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon

Column Writer : Prapaporn Hongthai @mindmlp

You can share this post!

MANGU E-Magazine ISSUE 218 (15th October 2021) คอลัมน์ Star พบกับ “แทน ธารณ” & “คัตโตะ อารมณ์” สองหนุ่มดูโอ้ จากวง Lipta สู่เจ้าของค่าย Kicks Records

MANGU E-Magazine Issue 216 (15th September 2021) คอลัมน์ Star พบกับ “เทอร์โบ ชนกชนม์” & “ก้าวหน้า กิตติภัทร” สองหนุ่มนักแสดงนำจากซีรีส์วายแนวโรแมนติก คอมเมดี้ "Love Stage" ที่มีต้นฉบับมาจากมังงะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น กลายมาเป็นซีรีส์ในประเทศไทย