news-details

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 228 (15th March 2022) สัมภาษณ์ คุณสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

 สืบทอดความรักและความรับผิดชอบ สร้างให้เมืองสว่างไสว

คุณสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

ในปี พ.ศ. 2565 นับเป็นปีที่ 70 ของกลุ่มชาญอิสสระ ก่อตั้งขึ้นในกรุงเทพฯ และมีการพัฒนาธุรกิจของบริษัทครอบคลุมทั้งการพัฒนาอาคารสำนักงาน โครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเดียม วิลล่าสุดหรู และโรงแรมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ศรีพันวา บาบา บีช คลับ นาใต้ และบาบา บีช คลับ หัวหิน จึงทำให้ ชาญอิสสระ เป็นผู้นำในภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย แน่นอนว่าเบื้องหลังตำราความสำเร็จนี้หนีไม่พ้นผู้นำที่ยอดเยี่ยม

พ่อกับลูกสืบทอดกิจการ

ชะตาชีวิตบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับโอกาส การทำงานหนัก และบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับครอบครัว รูปแบบครอบครัวเป็นค่านิยม และพฤติกรรมที่ละเอียดอ่อน ประโยค เรื่องราว ความทรงจำ สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักแห่งรูปแบบครอบครัว กลุ่มชาญอิสสระในฐานะธุรกิจครอบครัวที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย การสืบทอดธุรกิจไม่ได้เป็นเพียงการสืบทอดของทรัพย์สินที่มีตัวตนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสานต่อความเชื่อและจิตวิญญาณอีกด้วย

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2497 คุณสงกรานต์เกิดในครอบครัวชาวจีนที่หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อหวนคิดถึงวัยเด็ก คุณสงกรานต์ ชื่นชมคุณพ่อว่า "พ่อกับแม่คือคนที่อดทนกับความทุกข์ยาก" สมัยที่การเดินทางยังด้อยพัฒนาพ่อของคุณสงกรานต์ถูกส่งไปเรียนที่กวางโจวตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาสามารถเดินทางโดยเรือไป-กลับได้เพียงปีละสามครั้ง ซึ่งทำให้ขาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาไป เพื่อให้เข้ากับชีวิตในท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วหลังจากกลับมาที่ประเทศไทย พ่อของท่านได้ฝึกการออกเสียง อ่านและฝึกฝนอย่างหนักในทุกๆคืน และผลจากการทุ่มเทด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของเขาทำให้พ่อของเขากลายเป็นผู้นำเข้าและส่งออกน้ำมันในภาคใต้ของประเทศไทย

ความสำเร็จของพ่อทำให้เขามีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างจากคนทั่วไป ทัศนคติต่อชีวิต ค่านิยมรูปแบบพฤติกรรมของพ่อและมีอิทธิพลอย่างมากต่อเขา แม้ไม่ได้เดินตามเส้นทางที่พ่อวางแผนไว้ แต่ยังสามารถสืบทอดทัศนคติของพ่อและเปิดธุรกิจใหม่ของตนเอง

จากตึกสูงแห่งแรกในกรุงเทพฯ สู่รีสอร์ทชั้นนำ

ในปี พ.ศ. 2528 ตึกระฟ้าแห่งแรกในกรุงเทพฯ คืออาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 ตั้งอยู่บนถนนสีลม ความสำเร็จของโครงการนี้เป็นก้าวสำคัญของกลุ่มชาญอิสสระ และสำหรับคุณสงกรานต์ เขาได้นึกถึงความฝันในวัยเด็กตอนไปเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่ยังเด็ก เนื่องจากในปี 2513 เขาได้บินไปพักเครื่องที่ฮ่องกง ซึ่งขณะนั้นเต็มไปด้วยตึกระฟ้า เขาตกใจอย่างมากกับความเจริญรุ่งเรืองที่นี่จึงมีความฝันที่จะสร้างตึกระฟ้าในกรุงเทพฯ ได้หยั่งรากลึกในใจเขา ดังนั้นในระหว่างการศึกษาของเขานอกเหนือจากการสำเร็จหลักสูตรตามแผนแล้วเขายังมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้างด้วย หลังจากความสำเร็จของโครงการสร้างตึกชาญอิสสระ ก็ได้เริ่มลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างเป็นทางการ เช่น อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, โครงการ THEW TALAY WORLD ชะอำ-หัวหิน, โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ,โรงแรมบาบา บีช คลับ นาใต้และโครงการอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จมากมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างมากคือต้องเป็นโรงแรมศรีพันวารีสอร์ทในจังหวัดภูเก็ตและเป็นรีสอร์ทสำหรับคนดังทั้งในและต่างประเทศ

ในปี พ.ศ. 2561 แบรนด์ศรีพันวาออกสู่ต่างประเทศโดยในปี พ.ศ. 2565 เตรียมเปิดให้บริการ ซึ่งจะทำให้แบรนด์ก้าวไปสู่ระดับโลก

แสวงหาโอกาสในวิกฤต มองเห็นความรู้สึกที่แท้จริง

นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม แผนผังธุรกิจของกลุ่มชาญอิสสระก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าถนนแห่งการพัฒนาถูกกำหนดมาให้ไม่เท่ากัน วิกฤตการณ์ทางการเงิน ภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น วิกฤตรัฐประหาร และวิกฤตโรคระบาด ล้วนเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่องค์กรธุรกิจต่างๆจะต้องเผชิญแต่ในมุมมองของคุณสงกรานต์ วิกฤตคือโอกาสด้วยความสามารถของเขา ทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆไปได้ และสามารถกอบกู้วิกฤตการณ์ต่างๆได้ ในช่วงปี พ.ศ. 2557 ที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย เขาต่อต้านการใช้ความรุนแรง ออกไปสวดมนต์ให้ประเทศ ในปี พ.ศ. 2563 โรคระบาดครั้งใหม่ได้แผ่ไปทั่วโลกและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนชาญอิสสระได้บริจาคสิ่งของเพื่อช่วยสนับสนุนรัฐบาล รวมถึงคุณสงกรานต์ไม่ลังเลใจที่จะให้โรงแรมของเขาเข้าร่วม "โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ทำให้ศรีพันวาเป็นวิลล่าแห่งแรกในโลกที่เข้าร่วมโครงการนี้ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องเพราะสามารถฟื้นกำไรของโรงแรมถึง 15%

ทุกวันนี้โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คุณสงกรานต์ไม่ได้แสดงความกลัวใดๆเลย พยายามหาวิธีพัฒนาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

 

ManGu: คุณเกิดในครอบครัวชาวจีนที่เมืองไทย วัยเด็กของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?

SONGKRAN : ผมมีความสุขในวัยเด็กและได้รับความรักจากพ่อแม่เป็นอย่างดี พ่อแม่ของผมมีเชื้อสายจีน พ่อของผมมาจากปัตตานี ส่วนแม่ของผมเป็นคนกรุงเทพ การเจอกันของพวกเขาโรแมนติกมาก ตอนนั้นคุณพ่อเพิ่งกลับจากเรียนที่ประเทศจีนเพื่อทำธุรกิจน้ำมันที่หาดใหญ่ แล้วไปกรุงเทพฯเพื่อทำธุรกิจ โชคชะตาทำให้พวกเขามาพบกันและตกหลุมรักที่สะพานหันในกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับวัยเด็กของผม พวกท่านมีความอดทนต่อความยากลำบากจริงๆ พ่อถูกส่งไปเรียนที่กวางโจวตั้งแต่ยังเป็นเด็กและไม่ได้กลับมาประเทศไทยจนกระทั่งเขาอายุ 9 ขวบ และเขายังต้องเดินทางระหว่างไทยกับจีนอยู่บ่อยๆ ในขณะนั้นการคมนาคมไม่สะดวกสบาย ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ จนกระทั่งเรียนจบเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำให้การใช้ภาษาไทยทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ยังไม่ดีมากนัก คุณพ่อเลยมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งการฝึกอ่านออกเสียงและเรียนไวยากรณ์ จนสามารถพูดเขียนภาษาไทยเพื่อใช้ในการทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

 

ManGu: พ่อของคุณเริ่มต้นจากธุรกิจน้ำมันหรือเปล่า?

SONGKRAN : เมื่อก่อนประเทศไทยไม่มีท่าเรือน้ำลึกและโรงกลั่นน้ำมันเป็นของตัวเอง ส่วนน้ำมันมาจากปีนัง ประเทศมาเลเซีย เราอาศัยอยู่ที่หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองชายแดนเล็กๆ ใกล้กับมาเลเซีย และพ่อของผมโชคดีพอที่จะคว้าโอกาสนี้มาเป็นผู้ขนส่งน้ำมันจากปีนังไปยังกัวลาลัมเปอร์ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่หาดใหญ่ ต่อมาค่อยๆ ขยายธุรกิจสู่กรุงเทพฯ พัฒนาธุรกิจต่างๆ ปัจจุบันธุรกิจน้ำมันบางส่วนยังคงอยู่ในภาคใต้ แต่ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก

 

ManGu: ตอนมหาวิทยาลัยคุณเรียนการเงินที่อเมริกา อะไรเป็นเหตุให้คุณมาเรียนที่อเมริกา?

SONGKRAN : อันที่จริง ผมไปเรียนม.ปลายที่อเมริกา มีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก หนึ่งคือระดับการศึกษาของประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่พัฒนามากนัก พ่อของผมต้องการให้ได้รับการศึกษาที่ดีขึ้นจึงส่งไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา อย่างที่สองคือเหตุผลทางการเมือง ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 สถานการณ์ทางการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่แน่นอนและสงครามเวียดนามก็ปะทุขึ้น ในเวลานั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอ "ทฤษฎีโดมิโน" ซึ่งทำให้ทางการไทยส่วนใหญ่ยืนหยัดใน "ฝ่ายที่สนับสนุนสหรัฐฯ" ความคิดของพ่อผมตอนนั้น เขาแค่ต้องการส่งลูกๆ ไปศึกษาในประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงเป็นตัวเลือกแรก

 

ManGu: ประสบการณ์เรียนต่อต่างประเทศที่น่าจดจำสำหรับคุณ

SONGKRAN : ครอบครัวของผมมีทั้งหมด 5 คน ผมเป็นคนที่สาม ผมเป็นคนแรกในครอบครัวที่เรียนที่สหรัฐอเมริกา น้องชายและน้องสาวตามมาภายหลัง ซึ่งยังเด็กและไม่ค่อยเข้าใจว่าสงครามหมายถึงอะไร แต่พ่อของผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่สามารถ มองเห็นอนาคตของประเทศ ดังนั้น พ่อจึงส่งผมออกจากประเทศ แต่ด้วยประสบการณ์ในต่างประเทศ ผมจึงพบสิ่งที่ต้องการทำในอนาคต ตอนนั้นผมต้องบินไปฮ่องกงแล้วต่อเครื่องที่ลอสแองเจลิส พอเครื่องลงที่ฮ่องกงแล้วบินข้ามเมือง ตกใจมากกับความเจริญที่อยู่ตรงหน้า คาดไม่ถึงว่าฮ่องกงมีอาคารสูงเรียงกันเป็นแถว ตอนนั้นแอบคิดในใจว่าจะสร้างตึกแบบนี้ในไทยในอนาคตด้วย หลังจากที่ผมเรียนที่อเมริกา นอกจากเรียนการเงินตามแผนเดิมแล้ว ผมยังได้เรียนเพิ่มเติมในส่วนอสังหาริมทรัพย์

 

ManGu: คุณเรียนรู้ความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเองหรือไม่? คุณกลับไปทำธุรกิจของครอบครัวโดยตรงหลังจากสำเร็จการศึกษาหรือไม่?

SONGKRAN : ใช่ครับ วงการอสังหาริมทรัพย์ตอนนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นผมจึงซื้อหนังสือและเรียนรู้ด้วยตัวเองและสอนตัวเอง ตั้งแต่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงการสร้างบ้าน หลังจากเรียนจบ ผมไม่ได้กลับบ้านเพื่อช่วยในทันที แต่ทำงานที่ Citibank ก่อน สอบเข้าเป็นผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงิน และใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ปีก่อนที่กลับไปทำธุรกิจกับทางบ้าน

 

ManGu: ฉันได้ยินมาว่าหลังจากนั้นคุณสร้างอาคารหลังแรกในกรุงเทพฯ และเริ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจครอบครัวของคุณ?

SONGKRAN : พูดได้เลยว่าโครงการแรกที่ผมลงทุนตอนกลับบ้านคือ อาคารชาญอิสสระ สลักชื่อตึกจากนามสกุลจีนว่า "ซู" ก่อนการก่อตั้งอาคาร Xu Can Building มีบริษัทเอกชนเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีโอกาสสร้างอาคารสูง เนื่องจากโครงการดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่สามารถสร้างได้เฉพาะธนาคาร สถาบันของรัฐ ฯลฯ จนรัฐบาลได้ประกาศใช้ "กฎหมายว่าด้วยการสร้างคอนโด" อนุญาตให้ก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยให้เช่าและขายได้ทันที จึงถือโอกาสจดทะเบียนอาคารชุดหลังแรกในกรุงเทพฯ ทันที

 

ManGu: ในเวลานั้น การสร้างตึกชาญอิสระทาวเวอร์ 1 ให้เสร็จน่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าอารคารนี้เป็นอาคารแบบไหนหรือคะ?

SONGKRAN : ครบวงจรครับ ชั้นบนเป็นสำนักงานและชั้นล่างเป็นศูนย์การค้า ที่ตั้งของอาคารตึกชาญอิสระ อยู่ในเขตสีลมซึ่งเป็นย่านการเงินและการค้าของกรุงเทพฯ ที่คึกคัก หากเป็นเพียงอาคารที่อยู่อาศัยไม่รู้สึกว่ามีมูลค่ามากนักจึงจะถูกแปลงโฉมเป็นอาคารแบบครบวงจรที่ผสมผสานระหว่าง อาคารพาณิชย์และสำนักงานอย่างลงตัว เนื่องจากทำเลที่ตั้งของอาคารดีมาก มีประมาณ 14 ถึง 15 สายการบินอยู่รอบๆ ร้านค้าในอาคารถูกเช่าอย่างรวดเร็ว และร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร และห้องซักรีดก็เฟื่องฟูมากครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือระบบการบริการของเราดีมาก และร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพก็เข้ามาตั้งอยู่ในอาคารของเรา ดังนั้นผู้เช่าที่ลงทุนในอาคารของเรา ไม่ว่าคุณจะลงทุนทางการเงินหรือเช่าอาคารสำนักงาน ก็สามารถได้รับประโยชน์ที่ดีแน่นอน

 

ManGu: หลังจากนั้นขอบเขตธุรกิจของชาญอิสสระกรุ๊ปคือการลงทุนและพัฒนาอาคารอพาร์ตเมนต์เป็นหลักใช่หรือไม่คะ?

SONGKRAN : เราลงทุนและพัฒนาไปในหลายทิศทางมาโดยตลอด ทั้งสำนักงาน โครงการอสังหาริมทรัพย์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนี่ยม วิลล่าสุดหรู และโรงแรมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่

 

ManGu: อะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณพบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของการขยายแผนธุรกิจของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง?

SONGKRAN : เรื่องนี้ต้องอธิบายจากช่วงต่าง ๆ ครับ ในช่วงแรกของการขยายภาคธุรกิจแลนด์มาร์ค ที่จริงแล้วคุณพ่อไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับผมเท่าไหร่ ในช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ ผมไม่มีสิทธิในเรื่องการเงินเลย พ่อของผมเป็นเหมือนนักลงทุนของผม เขาจะชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ของโครงการจากทุกด้าน เนื่องจากครอบครัวของเราไม่เคยทำอสังหาริมทรัพย์ ตลาด หรือโครงการความร่วมมือใด ๆ กับรัฐบาลมาก่อน ผมจึงต้องพยายามโน้มน้าวพ่อให้ถึงที่สุด ความท้าทายประการที่สองคือวิกฤตการเงินในเอเชียในปี พ.ศ. 2540 ค่าเงินบาทอ่อนค่า ตลาดหุ้นร่วงอย่างหนัก บริษัทใหญ่ค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง และเศรษฐกิจของสังคมโดยรวมไม่เจริญก้าวหน้ามากนัก จำได้ว่าตอนนั้นมีสถาบันการเงินเพียง 3 แห่งจาก 98 แห่งที่รอดชีวิต อุตสาหกรรมอสังหาฯ ได้รับผลกระทบหนักกว่าเดิม พูดแบบไม่เกินจริงก็คือ "ทั้งกองทัพถูกทำลาย" ในเวลานี้ สถานประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกกู้ยืมจากธนาคารต่างประเทศ และเราก็มีเงินกู้ด้วย โชคดีที่เราเป็น "ลูกหนี้ชั้นดี" ของธนาคารมาโดยตลอด หรือก็คือ เรามีเงินกู้ยืมน้อยลงและมีทรัพย์สินมากขึ้น ธนาคารจึงให้ความไว้วางใจเราค่อนข้างสูง ใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 4 ปีจึงจะฟื้นตัวและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการครับ

สำหรับความท้าทายที่สาม หลายคนคิดว่ามันเป็นโรคระบาดครั้งใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันเริ่มต้นก่อนหน้านั้นครับ หลังจากเรืออับปางที่ภูเก็ตในปี พ.ศ. 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยลดลงอย่างมาก และการแพร่ระบาดที่ตามมาได้ทำให้ปรากฏการณ์นี้รุนแรงขึ้น เราได้ลงทุนในโครงการโรงแรมหลายโครงการด้วย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวมาเมืองไทย โรงแรมจึงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถเลิกจ้างพนักงานหรือปิดโรงแรมตามอำเภอใจได้ ด้วยเหตุนี้ เราต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย และประนีประนอมหาทางออกที่ดีที่สุด

 

ManGu: ตอนนี้ประเทศไทยได้เปิดตัว “Phuket Sandbox”แล้ว เศรษฐกิจโรงแรมในภูเก็ตฟื้นตัวแล้วหรือยังคะ?

SONGKRAN : เราเป็นกลุ่มแรกที่เข้าร่วม “Villa Quarantine” โดยได้ใช้โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เป็นโรงแรมนำร่อง ซึ่งเป็นการร่วมมือกับภาครัฐ และได้รับตอบรับเป็นอย่างดี จนภายหลังโครงการ "Villa Quarantine" ก็ได้เป็นต้นแบบของโครงการ “Phuket Sandbox” ในเวลาต่อมา ปัจจุบันยอดเข้าพักของโรงแรมที่ภูเก็ตยังไม่ค่อยดี เพราะต่างชาติเดินทางมาไม่ได้ แต่เราต้องมีการเปิดให้บริการโรงแรมและรักษาสภาพไว้ แม้จะขาดทุน

 

ManGu: โรงแรมศรีพันวาภูเก็ตเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของประเทศไทยฉันได้ยินมาว่าโรงแรมนี้เดิมทีมุ่งเป้าไปที่ตลาดยุโรปและอเมริกา?

SONGKRAN : แผนการตลาดเดิมของศรีพันวา ภูเก็ต คือ 30% ในประเทศไทยและ 70% ในตลาดต่างประเทศ ต่อมา นักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลายเป็นตัวหลักในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเน้นการดำเนินงานเปลี่ยนไปที่ตลาดจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการแพร่ระบาด เปอร์เซนต์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนมีถึง 30% และมากถึง 40%-50% ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงของจีน หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราจะเปิดโรงแรมศรีพันวาแห่งใหม่ในเมืองว่านหนิง มณฑลไห่หนาน ประเทศจีนภายในสิ้นปีนี้ โครงการนี้ซึ่งเราร่วมมือกับ Junfa Group ในยูนนานเป็นโครงการต่างประเทศโครงการแรกของแบรนด์ ศรีพันวา เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้โครงการยังไม่แล้วเสร็จเป็นเวลานาน หากเราสามารถเข้าสู่ตลาดจีนอย่างราบรื่นในปีนี้ได้ก็จะเป็นเรื่องดี

 

ManGu: ปี พ.ศ. 2557 ในช่วงการเมืองที่วุ่นวายในประเทศไทย คุณได้เข้าร่วมการชุมนุมในฐานะผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงของไทย อะไรทำให้คุณยืนหยัดอย่างกล้าหาญ? ตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวบ้างหรือ?

SONGKRAN : ไม่ต้องกลัว เพราะเราอยู่ฝ่ายยุติธรรม ในขณะนั้นนโยบายรับจำนำข้าวทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ เมื่อคุณพบว่ามีปัญหากับการจัดการของรัฐบาล ในฐานะพลเมืองของประเทศ คุณมีสิทธิที่จะพูดออกมา แต่ผมไม่ชอบใช้ความรุนแรงและควรแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ตอนนั้นทำไป 2 อย่าง คือ ไปสวดมนต์ที่วัด และจัดคนสวดมนต์ตามสถานที่ชุมนุมต่างๆ เพื่อให้ทุกคนสงบลง แทนที่จะทำลายระเบียบของประเทศอย่างอันธพาล

 

ManGu: เวลาว่างของท่านส่วนมากทำอะไรบ้างคะ?

SONGKRAN : เราจะมีวันครอบครัว ตั้งแต่วันศุกร์ ถึง วันอาทิตย์ เราจะเลือกไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนช่วงสั้นๆ

 

ManGu: ครอบครัวท่านยังคงรักษาขนบธรรมเนียมแบบจีนดั้งเดิมไว้หรือไม่?

SONGKRAN : เรายังคงรักษาประเพณีการบูชาบรรพบุรุษ ฉลองตรุษจีนทุกปีเช่นกัน เราจะกลับไปหาดใหญ่ ทำบุญ แจกจ่ายข้าว ให้ประชาชน ผมเชื่อเสมอมาว่าเราควรจะส่งต่อวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมที่ดีงามไว้ และจะสอนลูกๆ ให้รู้สึกขอบคุณ ซื่อสัตย์ นอกจากนี้ ผมยังชอบวรรณกรรมจีนและภาพยนตร์กังฟู เช่น "Romance of the Three Kingdoms", "Journey to the West" และ "Bao Qingtian"

 

ManGu: โลกทุกวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายนี้ อยากจะบอกผู้อ่านว่าอย่างไรบ้างคะ คุณคิดว่าโลกจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหนในยุคหลังโรคระบาด?

SONGKRAN : โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในทุกวันนี้ จากการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงานไปสู่การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล และแม้แต่ระบบการเงินของโลกก็เปลี่ยนไป ก่อนเกิดโรคระบาด ใครก็ตามที่ควบคุมสิทธิในการขายน้ำมันสามารถทำเงินได้ แต่ตอนนี้ด้วยภาวะเงินเฟ้อ คุณไม่สามารถขายน้ำมันที่คุณมีอยู่ในมือได้ เนื่องจากนโยบายการแยกตัวของประเทศต่างๆ ต่างกัน จึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่จะไปต่างประเทศ การท่องเที่ยวได้รับความเสียหาย และการสำรวจน้ำมัน ค่าแรง และค่าขนส่งต่างก็เพิ่มขึ้นทั้งหมด อาจมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในโลกในอนาคต ซึ่งไม่ใช่ความท้าทายเล็ก ๆ สำหรับสังคมมนุษย์ แต่ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราควรคว้าโอกาสและติดตามความเป็นไปของโลกอยู่เสมอ

 

Thank you.

Mr.Songkran Issara / คุณสงกรานต์ อิสสระ

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 229 (1st April 2022) สัมภาษณ์ มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร นักแสดงนำจากภาพยนตร์สยองขวัญแห่งปีพี่ "นาค3" (Pee Nak 3)

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 227 (1st March 2022) สัมภาษณ์ คุณทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (ปอป้อ) นักกีฬาแบดมินตันมืออันดับ 1 ของโลกประเภทคู่ผสม