news-details

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 230 (15th April 2022) สัมภาษณ์ เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ และ มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง นักแสดงนำจากละคร "ซ่านเสน่หา"

สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สถานีโทรทัศน์ชื่อดังของประเทศไทย แต่ละปีทางช่องจะผลิตและสร้างสรรค์ละครที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชม ปี 2022 มีละครเรื่องหนึ่งที่ได้รับกระแสและคำวิจารณ์ที่ดีอย่างท้วมท้นนั่นคือเรื่อง ซ่านเสน่หานำแสดงเต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ และ มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง  ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นการร่วมงานครั้งที่สองของทั้งสองคน โดยได้คุณตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดมากฝีมือมาดูแลการผลิตละครเรื่องนี้อีกด้วย

“ซ่านเสน่หาละครสะท้อนสังคมที่เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายความสามารถและฝีมือในการแสดงของ เต้ย พงศกร และ มิ้นต์ ชาลิดา ซึ่งทั้งคู่ได้บอกกับเราว่า "ละครเรื่องนี้เป็นละครที่ท้าทายที่สุดในชีวิต" นิตยสาร @ManGu ฉบับนี้ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จัก เต้ย พงศกร และ มิ้นต์ ชาลิดา นักแสดงนำจากละคร ซ่านเสน่หา ที่ทั้งคู่จะมาเล่าประสบการณ์และเบื้องหลังการถ่ายทำละครดราม่าแห่งปี ซ่านเสน่หา”

ManGu: ช่วยแนะนำตัวพร้อมบอกประวัติผลงานคร่าวๆ

MINT: สวัสดีค่ะ มิ้นต์ ชาลิดา นะคะ ผลงานที่ผ่านมามีเรื่อง คุณชายรณพีร์, ฟ้าฝากรัก, ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋ค่ะ

TOEY: สวัสดีครับ ผมเต้ย พงศกร ผลงานที่ผ่านมามีเรื่อง คุณชายรัชชานนท์, บางระจัน, ฟ้าฝากรักครับ

 

ManGu: รู้สึกยังไงบ้างที่ได้มาเป็นนักแสดงนำเรื่อง "ซ่านเสน่หา"

TOEY: ดีใจครับที่ได้มาทำงานร่วมกับค่ายพี่ตู่ ปิยวดี อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องความทรงจำสีจาง และก็เป็นการเจอกันกับมิ้นต์ครั้งที่สองด้วยครับ ครั้งนี้ก็รู้สึกว่าได้รับบทบาทที่แตกต่างกันออกไป เพราะก่อนหน้านี้ที่เราเจอกันเป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ แต่ครั้งนี้จะเป็นดราม่า ค่อนข้างเข้มข้น บทก็จะค่อนข้างยากขึ้นด้วยครับ

MINT: ดีใจมากที่ได้เล่นเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ท้าทายกว่าเรื่องแรกที่รับเล่นด้วย เพราะว่าด้วยตัวบทดีมากๆ เรียกได้ว่าองค์ประกอบโดยรวมของเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ ได้ทำงานกับพี่เต้ยอีกครั้ง แต่ว่ามันเป็นรูปแบบการทำงานที่แตกต่างออกไป คนก็จะได้เห็นเราทั้งคู่ในแนวดราม่าขึ้นค่ะ

ManGu: ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในละครเรื่อง ฟ้าฝากรัก” ครั้งนี้ได้ร่วมกันอีกครั้งรู้สึกยังไงที่ได้กลับมาเจอกัน

MINT & TOEY: จริงๆ เรื่องนี้เลิฟซีนค่อนข้างเยอะด้วย ถ้าเราเจอคนใหม่ไปเลย มันก็เหมือนต้องสร้างความเชื่อใจกันใหม่ แต่นี่คือเรารู้จักกันอยู่แล้ว เลยง่ายต่อการถ่ายทำ

 

ManGu: แนะนำหน่อยว่าในละครซ่านเสน่หา ทั้งสองคนรับบทเป็นใคร และคาแรคเตอร์เป็นอย่างไร

TOEY: ผมรับบทเป็น "หมื่นไมล์" ครับ หมื่นไมล์ก็จะโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่เขาจะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองนิดๆ เอาตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ เป็นคนที่ไม่ชอบยอมแพ้ ประมาณนี้ครับ

MINT: ส่วนมิ้นต์ก็รับบทเป็น "ลลิตา" ค่ะ ก็จะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างชอบเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา จะไม่ให้ใครรู้ความรู้สึกตัวเอง เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างกดให้เก็บความรู้สึก เชื่อฟังพ่อ เชื่อฟังสามี เลยทำให้เขาไม่กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง มีอะไรก็จะเก็บไว้ การเล่นเรื่องนี้เลยยากต่อการแสดงอารมณ์ เพราะมากไปก็ไม่ได้ น้อยไปก็ไม่ได้

ManGu: ละครเรื่องนี้ได้หยิบนิยายโด่งดังมาสร้างสรรค์เป็นละคร คิดว่าความแตกต่างระหว่างบทนิยาย และละครแตกต่างกันอย่างไร

TOEY: ผมคิดว่ามันก็แตกต่างกันนะ ถึงแม้ผมจะไม่ได้อ่านนิยายมา แต่ผมว่านิยายมันก็จะสนุกอีกแบบ แต่ว่าในละครเรื่องนี้มันก็จะเข้มข้นแบบที่มิ้นต์เล่าไป เราเองต่างก็ให้ความสำคัญกับบทพอสมควร ผมก็คิดว่าเรื่องนี้บทก็เข้มข้นไม่แพ้ในนิยายเลยครับ

MINT: มิ้นต์ว่านิยายมันเป็นรูปแบบของตัวอักษร เวลาอ่านการตีความของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เวลาอ่านนิยายคนเราจะมีความคิดและจินตนาการเป็นของตัวเอง แต่พอมาเป็นละครเขาก็จะต้องทำให้สอดคล้องกับยุคสมัยนี้ เลยคิดว่าความสนุกจะคนละแบบกันค่ะ

 

ManGu: บทบาทที่แต่ละคนได้รับเรียกว่าเป็นการท้าทายกับอาชีพนักแสดงอย่างมาก เรามีวิธีการถ่ายทอดตัวละครอย่างไร

TOEY: ส่วนตัวผมก็ทำการบ้านค่อนข้างเยอะเลยนะ เพราะว่าบทมันยาว แบบยาวมากๆ ครับ

MINT: บทเรื่องนี้คือ 3-4 หน้าเลยค่ะ แล้วมันเป็นบทที่พูดแต่ละไดอาร็อคมันไม่เหมือนกัน ความยากมันอยู่ที่เราจะทำยังไงให้มันไหลรื่นไปกับคู่เราได้ จริงๆ ซีนนึงเราลองกันหลายแบบมาก บางซีนที่ยังหาไม่เจอเราก็จะวนหากันอยู่แบบนั้น

TOEY: ผู้กำกับก็อาจจะขอมากกว่านี้ น้อยกว่านี้ ประมาณนี้ครับ

MINT: เพราะบทมันมีหลายอารมณ์ด้วยค่ะ

TOEY: ใช่ครับ บางทีต้องถ่ายหลายครั้งกว่าจะเจอ แล้วก็ค่อยมาดูอีกทีตอนตัดว่าจะเลือกแบบไหน

ManGu: มีฉากเด็ดหรือฉากประทับใจที่อยากให้ผู้ชมติดตามหรือมีประโยคไหนในเรื่องที่เราประทับใจบ้าง

TOEY: มีฉากตกน้ำ ซึ่งถ่ายทำกันยากมาก เพราะบทค่อนข้างที่จะยาว แล้วกว่าจะลงน้ำมาได้ นักแสดง 2 คนก็ต้องมีสมาธิพอสมควร ต้องจำบล็อกกิ้งเยอะด้วยครับ

MINT: เราต้องตกแบบบังเอิญพลัดตกลงไป มันทำให้เรายิ่งเกร็งว่ามันได้แค่ครั้งเดียวนะ ส่วนคำพูดจริงๆ เรื่องนี้บทพูดดีหมดเลยค่ะ แต่ถ้าถามมิ้นต์ มิ้นต์รู้สึกว่าคำว่า “ป๊ารู้ไหม หลินแต่งงานไปก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น หลินไม่เคยมีความสุขเลย” คือเราร้องไห้ตั้งแต่ตอนอ่านเลยอะ แล้วพ่อก็พูดว่า “เป็นผู้หญิงก็ต้องรับใช้สามี...” อะไรประมาณนี้ค่ะ เป็นซีนที่อยู่ที่บ้าน อย่างที่บอกว่าลลิตาเป็นคนที่ถูกกดอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยแม้กระทั่งพูดว่าฉันไม่มีความสุขนะ “พ่อหนูอยากกลับบ้าน” นั่นคือครั้งแรกที่พูดออกมา เพราะทั้งชีวิตเขาทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่เคยได้มีความสุขกับชีวิตเลย

 

ManGu: ช่วยเล่าการทำงานร่วมกับผู้จัดละคร คุณตู่ ปิยวดี มาลีนนท์

TOEY: พี่ตู่น่ารักมากครับ เขามาเช็คกองตลอดเลย แทบจะทุกคิวเลย

MINT: ใช่ค่ะ พี่ตู่เป็นผู้จัดที่ใส่ใจมาก ดีใจนะคะที่ได้ทำงานกับพี่ตู่ เพราะพี่ตู่เป็นคนที่ open อยู่แล้ว เขาค่อนข้างที่จะเชียร์อัพมิ้นต์ตลอด ต่อให้เขาไม่มาเขาก็จะไลน์มา แต่มิ้นต์ก็เข้าใจนะเพราะบทมิ้นต์มันยากอยู่แล้ว บวกกับในชีวิตจริงมิ้นต์ออกจะเป็นคนห้าวๆ ไม่ได้มีความหวานแว๋วอะไร มิ้นต์จะไม่ค่อยทำอะไรแบบที่ผู้หญิงเขาทำกัน พี่ตู่ก็จะคอยเตือนว่าวันนี้เล่นเลิฟซีน ต้องช้าๆ นะ แต่พอมาเล่นบทลลิตาแล้ว พอมาเจอความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้เรา แบบที่เราไม่เคยเจอ เหมือนเขามาเติมเต็ม มันเป็นสิ่งที่ขาดไปในตัวของผู้หญิงคนนี้ค่ะ

ManGu: อยากขอ 1 ประโยค สำหรับเหตุผลที่ทุกคนไม่ควรพลาด จากละคร ซ่านเสน่หา

MINT: ซาบซ่านแน่นอน

TOEY: ใช่ ถ้าคุณไม่ดู คุณก็จะไม่มีทางรู้ว่า... (จุด จุด จุด) ก็ไม่รู้ว่า...คืออะไร เพราะฉะนั้นต้องไปติดตามชมนะครับ

 

ManGu: ทั้งสองคนคิดว่าความท้าทายในวงการบันเทิงไทยคืออะไร

TOEY: สำหรับผมนะคือบทบาทใหม่ๆ ได้เจอคาแรคเตอร์ใหม่ๆ ได้เจออะไรใหม่ๆ รู้สึกว่านักแสดงมันได้เป็นหลายอาชีพ ได้เป็นหลายบุคลิก ได้รู้ความคิดของใครหลายคน และการที่เราได้รู้จักตัวละครเยอะขึ้นมันก็เป็นอะไรที่ท้าทายอยู่ตลอดครับ

MINT: มิ้นต์รู้สึกว่าความท้าทายในวันนี้กับที่ผ่านมา เหมือนยุคสมัยมันเปลี่ยน เมื่อปีที่แล้วเราคิดอีกแบบนึง ตอนนี้ก็คิดอีกแบบนึง ส่วนตอนนี้คิดว่าความท้าทายคือการที่โลกหมุนไปไวมาก ทุกวันนี้เหมือนเราได้ชาเลนจ์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบทบาททางการแสดง หรือว่าโลกโซเชียล หรือโลกที่เราอยู่ปัจจุบัน ทุกอย่างมันชาเลนจ์ขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าทุกวันนี้มันเหมือนกับข่าวนี้ก็ไปเพลงนี้ก็มา เราต้องอยู่กับโลกปัจจุบัน เราต้องอยู่กับโลกที่หมุนไปไวให้ได้ เพราะบางทีเทรนด์นี้วันนี้มา พรุ่งนี้ไปแล้ว เราต้องอยู่กับเทรนด์ให้มากขึ้น

ManGu: คิดว่าละครไทยในอดีตและปัจจุบันเปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง และทั้งสองคิดว่าเอกลักษณ์ของละครไทยคืออะไร

MINT: มิ้นต์รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมาก เหมือนอย่างมิ้นต์เล่นละครมา 16-17 ปี ทุกอย่างมันก็เริ่มเปลี่ยนไปตลอด ตั้งแต่เทคนิคการตัดต่อที่ต้องเป็นรถตู้สวิซชิ่ง จนตอนนี้เป็นกล้องที่เปลี่ยนไปมากขึ้น อีกอย่างคือการเล่าเรื่อง ทุกคนในวงการก็ต้องอัพเดทเทรนด์อย่างที่บอกค่ะ เพราะว่าอย่างประเทศเพื่อนบ้านเราเขาโตกันไปไวมาก เราก็ต้องมองซ้ายมองขวา แล้วก็กลับมาพัฒนาตัวเอง มิ้นต์ว่าการที่เราทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ไม่ว่าเราอยู่ในอาชีพอะไรก็ตาม เราต้องตามไปกับโลกให้ทันค่ะ

TOEY: ส่วนเอกลักษณ์ละครไทยน่าจะเป็นเรื่องตอนตื่นนอนครับ ตื่นมาแล้วยังสวยอยู่ (หัวเราะ) จะตื่นจะนอนก็ยังหน้าเต็มอยู่ มันเป็นเอกลักษณ์ละครไทยอย่างนึงเลยครับ

 

ManGu: ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของแต่ละคนคืออะไร

TOEY: อยากจะทำทุกวันให้ดีที่สุดมากกว่า โฟกัสปัจจุบัน ทำให้ดีจะได้ไม่ต้องเสียใจว่าไม่ได้ทำครับ

MINT: สำหรับมิ้นต์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ชอบมองอนาคตไกล อนาคตของมิ้นต์ก็คือปีนี้แหละ ว่าสิ้นปีนี้ต้องทำอะไรประมาณนี้ค่ะ เป็นคนไม่ชอบคาดหวังเพราะว่าจะได้ไม่ผิดหวังค่ะ เราก็จะทำทุกอย่างให้เต็มที่ แล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากกว่าค่ะ เป้าหมายในชีวิตของมิ้นต์ปีนี้คือเราต้องเอนจอยด์กับชีวิตค่ะ เพราะว่าเราโตขึ้นแล้วด้วย เราเลยรู้สึกว่าเราต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุขที่จะทำ ถ้าอะไรที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรามิ้นต์ก็จะไม่ฝืนค่ะ ถ้าเอาแบบในปีนี้เลยจริงๆ ก็คือเรียนให้จบ ป.โท ค่ะ

ManGu: มาพูดถึงไลฟ์สไตล์กิจกรรมยามว่างกันบ้าง มีกิจกรรมอะไรที่ชอบทำเป็นพิเศษไหมคะ

MINT: ในยามว่างของมิ้นต์ช่วงนี้ก็คือปลูกกุหลาบค่ะ เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา พอเราได้อยู่บ้านมากขึ้น เราก็รู้สึกอยากจะตกแต่งบ้านให้มันสวยขึ้นจังเลย ก็เลยเลือกกุหลาบแล้วกัน แต่ก็ยากอีกเหมือนกัน ปุ๋ยก็เยอะ ยาก็เยอะ เหมือนเราก็ได้ชาเลนจ์กับตัวเองอีกว่ามันจะโตไหม เราต้องเลี้ยงมันยังไง เช้ามาก็จะอยู่กับกุหลาบ ยิ่งเราเป็นคนที่ชอบดอกไม้อยู่แล้ว พอมีดอกไม้อยู่ที่บ้าน ได้เอามาปักแจกันบนโต๊ะกินข้าว มันก็รู้สึกสดชื่น บ้านก็สวยขึ้น อารมณ์เราก็ดีขึ้นด้วยค่ะ

TOEY: ส่วนผมถ้าว่างผมจะชอบไปร้านชา ไปชงชา ผมเปิดร้านชาอยู่ GUMP’s Ari Community Space ชื่อร้าน Me Tea ครับ ผมเพิ่งทำธุรกิจกับน้องขึ้นมา ช่วงนี้ว่างๆ ก็เข้าไปดูร้านอย่างเดียวเลยครับ ชาที่ผมเอามาเป็นชาจากจีนด้วยนะ เป็นชาผลไม้ ถ้าใครชอบ King of Tea / Queen of Tea อะไรต่างๆ มันมีหลายชนิด คือเราก็ชอบด้วย ตอนแรกก็ไม่ค่อยสนใจแต่พอได้ชิมแล้วก็รู้สึกว่ามันอร่อย แล้วมันเป็นชาผลไม้ ค่อนข้างดีต่อสุขภาพด้วย เพราะเราเองก็รักสุขภาพ ถ้านอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็ออกกำลังกาย ไปวิ่ง ไปตีกอล์ฟอะไรประมาณนี้ครับ

 

ManGu: ขอ 3 คำ ที่บ่งบอกความเป็นตัวเรามากที่สุด

TOEY: “วิ่งไม่หยุด” ในเรื่องของกีฬาเราก็ชอบวิ่ง วิ่งไม่หยุด ส่วนในเรื่องของการพัฒนา สกิลต่างๆ เราก็ชอบที่จะพัฒนา ชอบที่จะวิ่งไปเรื่อยๆ พัฒนาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ครับ

MINT: ของมิ้นต์ก็ “ทำหลายอย่าง” แล้วกัน เพราะว่าเราเรียน Management เลยทำให้เรารู้สึกว่าวันนึงเราไม่เคยว่างเลย มันอยู่เฉยไม่ได้ อยู่เฉยๆ ไม่เป็น เช้ามาก็รู้ว่าเราต้องทำอะไร อย่างตื่น 8 โมง ต้องไปอยู่กับกุหลาบชั่วโมงนึง ถึงเป็นวันที่ไม่มีงาน มันก็มีอะไรให้ทำอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ก็ทำธุรกิจ เรียน ป.โทด้วย ตอนอยู่บ้านเฉยๆ แล้วรู้สึกโควิดต้องอยู่อีกนานแน่เลย จะทำอะไรดี เลยเรียนโทแล้วกัน 

ManGu: เนื่องจากเราเป็นนิตยสารจีน อยากให้แนะนำอาหารไทยที่ตัวเองชอบให้ชาวจีนได้รู้จัก

TOEY: ผมแนะนำ "กุ้งเต้น" เพราะว่ารสชาติมันคล้ายกับลาบในประเทศไทย แต่มันเปลี่ยนจากเนื้อหมูมาเป็นกุ้ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมชอบ เลยอยากจะแนะนำให้แฟนๆ ชาวจีนครับ

MINT: มิ้นต์อยากแนะนำให้คนจีนได้กิน "ผัดไท" เพราะมิ้นต์เดาว่าเขาน่าจะไม่เคยเจอรสชาติอาหารประมาณนี้ และคิดว่าคนจีนน่าจะชอบค่ะ

 

ManGu: เร็วๆ นี้จะมีผลงานอะไรให้แฟนๆ ติดตามกันอีกบ้าง

TOEY: ตอนนี้ก็ต้องเป็นซ่านเสน่หาเลยครับผม แล้วก็จะมีบุพเพร้อยร้ายกำลังจะออนแอร์ ฝากด้วยนะครับ

MINT: ส่วนของมิ้นต์ก็จะมีซ่านเสน่หาเรื่องนี้ค่ะ แล้วก็เรื่องต่อไปกำลังคุยอยู่ รอติดตามกันนะคะ

ManGu: สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่สนับสนุนเรา รวมถึงฝากช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ

TOEY: ขอบคุณนะครับ ผมก็อยากให้ติดตามแล้วก็ซัพพอร์ตกันไปนานๆ ซัพพอร์ตเราสองคนด้วย และก็ซัพพอร์ตละครไทยด้วย อยากให้ติดตามทุกเรื่องเลย แต่ก่อนที่จะติดตามทุกเรื่องต้องติดตามซ่านเสน่หาก่อนนะครับ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พวกเราทั้งสองคนต้องพิสูจน์ฝีมือกันในระดับหนึ่งเลย โดยเฉพาะมิ้นต์รับบทหนักมากๆ ครับ นอกจากนี้ก็อยากจะฝากช่องทางการติดตาม IG : toey_pongsakorn ด้วยนะครับ

MINT: จริงๆ มิ้นต์ก็มีแฟนคลับชาวจีนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมิ้นต์คิดว่าแฟนๆ ชาวจีนน่ารักมาก ถึงเราอาจจะไม่เคยเจอตัวจริงกัน แต่ทุกเทศกาลเขาจะส่งของมาให้เราตลอดเลย ก็ต้องขอบคุณเขา และก็ขอให้คอยเป็นกำลังใจ ซัพพอร์ตมิ้นต์ต่อไป ขอบคุณจริงๆ ค่ะ มิ้นต์ก็จะตั้งใจทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด และถ้ามีโอกาสก็อาจจะได้เจอมิ้นต์ในแพลตฟอร์มจีน ก็จะพยายามตั้งใจทำ ตอนนี้ก็ฝาก IG & Tiktok : mint_chalida และ Youtube : M's story ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก็จะได้รู้จักกันมากขึ้นค่ะ

Thank you.

Pongsakorn Mettarikanon (Toey)

พงศกร เมตตาริกานนท์ (เต้ย)

IG : @toey_pongsakorn

TikTok : @toeytpk

Youtube : เต้ยเว้ยเห้ย!!!

 

Chalida Wijitvongtong (Mint)

ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง (มิ้นต์)

IG : @mint_chalida

TikTok : : @mint_chalida

Youtube : M's story

 

Make up : @jimmakeup (ปรีชา ดวงเพชร)

Hair : @ballnehair (คันธรส แสนวงษ์)

Clothes : @maxmara (Max Mara)

 

感谢拍摄场地: @mestylemuseum

MeStyle Museum Hotel (www.mestylemuseum.com)

 

Special thanks : @oh_pr_lucks666

 

Photographer : Sarator Bunkobsongserm @iccesrt 

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator 

Coordinator / Interviews :  Kawinna Penkul @kawintoon

Column Writer : Zou SiYi @joy_ss97 / Patthanapong Polpiboon @plyyp

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 231 (1st May 2022) สัมภาษณ์ คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 229 (1st April 2022) สัมภาษณ์ มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร นักแสดงนำจากภาพยนตร์สยองขวัญแห่งปีพี่ "นาค3" (Pee Nak 3)