Interview

ยุคสมัยแห่งการดูแลรักษาสุขภาพ
บทสัมภาษณ์ คุณภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์ ประธานบริษัท บราเทอร์ โกลบอล จำกัด

ประชาชนในเมืองไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านสาธารณสุขเป็นอย่างมาก ซึ่งคำว่า “ประชาชนทั้งประเทศจะดูแลรักษาสุขภาพ” ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดของผู้คนส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน ปริมาณความต้องการของมนุษย์ในด้านสุขภาพประจำวันและอาหารเพื่อสุขภาพก็มีการเพิ่มขึ้นทุกวันเช่นกัน คุณภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์ ผู้บริหารบริษัท บราเทอร์ โกลบอล จำกัด ได้เป็น 1 ในผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพทีได้ทำการก่อตั้งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พวกเขาได้สร้างแบรนด์เพื่อสุขภาพไว้มากมายและมีปริมาณการจำหน่ายกว่าพันล้าน นิตยสารฉบับนี้จะบันทึกเรื่องราวผ่านการสัมภาษณ์ของ คุณภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์ ผู้บริหารบริษัท บราเทอร์ โกลบอล จำกัด ที่ได้กล่าวไว้ว่า “คนสมัยนี้เขาไม่ได้ทำงานเพื่อเงินแบบเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นแล้วครับ เขาเห็นสำคัญเรื่องสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ คนส่วนใหญ่อยากใช้ชีวิตให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงกันทั้งนั้น” ซึ่งมันคือความคิดของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้ว ในยุคที่สุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง ผู้คนก็ยิ่งตามหาผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงสุขภาพมากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เรื่องของ healthcare มันจึงมีผลต่อเครือข่ายธุรกิจทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการเปิดตัวของ Brother Global ก็ถือเป็นการยืนยันได้ว่าธุรกิจนี้ก็ส่งผลต่อประเทศไทยด้วยเหมือนกัน

ManGu : เนื่องจากคุณแบงค์จบการศึกษามาจากวิศกรรมไฟฟ้าและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับอาหารเสริม แต่ทำไมคุณถึงเลือกที่จะดำเนินกิจการนี้

Pakanawat Hematananan : ในยุคสมัยของผม อาชีพของผู้ชายมีให้เลือกไม่เยอะ ถ้าไม่ได้เป็นแพทย์ ก็เลือกที่จะเป็นวิศวะ ซึ่งส่วนตัวของผมเองก็ไม่ได้มีความชอบใน 2 อย่างนี้ เพียงแต่ว่าเราไม่อยากทำงานที่เกี่ยวกับธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร Financial & Banking ของทางที่บ้าน คุณตาและคุณทวดของผมต่างก็เป็นคนจีน ซึ่งพวกเขาได้อพยพมาจากจีนและเข้าทำมาหากินที่เมืองไทย แต่สภาพแวดล้อมในรอบตัวของเขาก็ยังคงความเป็นจีนอยู่และผมก็ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับคนจีนด้วย ตอนเด็ก ๆ คุณตาสอนไว้ว่า “ไม่มีต้นไม้ใหญ่ต้นไหน สามารถเติบโตภายใต้ต้นไม่ใหญ่อีกต้นหนึ่ง และไม่มีใครทำงานให้คนอื่นแล้วจะยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้นถ้าหากว่าคุณอยากที่จะเป็นผู้นำ คุณจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน”

ManGu : ความต้องการของคนจีนคืออยากให้สืบทอดมรดกกิจการของครอบครัว แต่ในเมื่อคุณต้องการที่จะออกไปสร้างธุรกิจใหม่ของตัวเอง ทางครอบครัวเห็นด้วยไหมคะ

Pakanawat Hematananan : คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านสนับสนุนผมนะครับ พวกท่านก็เคารพในการตัดสินใจของผม คุณแม่ของผมบอกเสมอว่า ต่อให้รักผมแค่ไหนจะเลี้ยงได้แค่ตัว แต่ใจเลี้ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่บังคับฝืนใจกัน เขาจึงปล่อยให้เราได้เติบโตและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ดีกว่าบังคับให้เราทำเรื่องที่ไม่ได้ชอบ

ManGu : ทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ

Pakanawat Hematananan : เมื่อ 20 ปีที่แล้วตัวผมเองก็เริ่มที่จะสนใจในเรื่องของสุขภาพ เพราะคนที่ทำธุรกิจด้านสุขภาพในสมัยนั้นค่อยข้างน้อย ซึ่งธุรกิจประเภทนี้ก็ยังไม่ได้เป็นปัจจัยที่ผู้คนต้องการเท่าไร รวมถึงยังไม่ได้มีผลกระทบทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การระบาดของโรค หรือสงครามด้วย แต่สำหรับคนที่รักสวยรักงาม ส่วนนี้กลับเป็นความต้องการสูงสุดของพวกเขา และในยุคนี้ค่าครองชีพของผู้บริโภคก็ได้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้บริโภคเกือบจะ 100% ที่ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ มีเพียงแค่ 10% ที่ความเหตุผลในการซื้อ ส่วนอีก 90% จะให้ความต้องการของตัวเองเป็นหลักในการเลือกซื้อสินค้า ดังนั้นอุตสาหกรรมทางด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพจึงเป็นตลาดที่สามารถโน้มน้าวความรู้สึกผู้คนได้ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น และคนในปัจจุบันไม่ได้อยากที่จะทำงานไปตลอดชีวิต ซึ่งบางคนอาจจะมีการวางแผนเกี่ยวกับสุขภาพเอาไว้ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ผมเลยคิดว่าธุรกิจทางด้านสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้นนับตั้งแต่ปี 2556 ผมเริ่มที่จะมีการพัฒนาในเรื่องของอาหารเสริมและตลาดเกี่ยวกับโภชนาการ (OEM) Brother Enterprise Company และเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า Brother Globalและค่อยๆ พลิกโฉมจากโรงงานผลิตอาหารเสริมและให้คำปรึกษาคุณภาพสูงสู่แบรนด์ไทยในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามของไทย

ManGu : คุณจัดการในเรื่องของการดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง

Pakanawat Hematananan : การดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการจัดการคน "คนนิรนามตายไปครึ่งชีวิต ถ้าคุณไม่รู้จักใครคุณเองก็ตาย" เราแต่ละคนไม่สามารถเลือกที่จะเกิด แต่เราสามารถเลือกเปลี่ยนชีวิตของเราผ่านความพยายามของเราเอง ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยถนัดในด้านการจัดการพนักงานของผม ผมจะให้โอกาสพวกเขาจากความพยายามของตนเอง เพราะผมเชื่อว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครในโลกนี้ได้คนเดียวที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้คือตัวเราเอง

ManGu : ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในตอนนี้มีอะไรบ้างคะ

Pakanawat Hematananan : ทาง Brother Global เราไม่ได้เป็นแค่ OEM แต่เรายังเป็น ODM ที่ Original Design Manufacturer หมายความว่า เราเป็น one stop solution มีการให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่ในขั้นตอนของการผลิตจนไปถึงการจำหน่าย และในรูปแบบของการบริการนั้น เพียงแค่ลูกค้าเสนอความต้องการของท่านแก่เรามา ทางเราก็พร้อมที่จะให้คำแนะโดยทีมผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อช่วยให้คุณได้วางแผนและมีรูปแบบที่ตรงตามความเหมาะสม รวมถึงได้นำวัตุดิบต่าง ๆ ที่ดีจากทั่วทุกมุมโลกมานำเสนอให้ นอกจากนี้ทางเรายังได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย และเรายังได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาล ซึ่งผลิตภัณฑ์จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการเปลี่ยนจากตัวอย่างไปสู่การผลิต หลังจากนั้นจะสามารถเปิดตัวในตลาดได้ ในปัจจุบัน Brother Global มีโรงงานผลิตอาหารเสริมถึง 2 แห่งด้วยกัน มีแบรนด์ที่ได้รับการจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มากกว่า 1,000 กว่าแบรนด์ รวมถึงมีลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 10 แห่ง และมีบริษัทมากกว่า 100 แห่ง

ManGu : แผนในการพัฒนาของแบรนด์ Brother Global ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้าคืออะไร

Pakanawat Hematananan : เราอยากทำเครื่องสําอางเอง และในปลายปี 2565 เราได้เริ่มสร้างโรงงานเพื่อเริ่มผลิตเครื่องสําอางแล้ว ซึ่งน่าจะมีการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2566 ต่อมา ช่วยให้ผู้คนกลายเป็นตัวแทนของเราจำนวนมากขึ้น ในแต่ก่อนเรามักจะสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวเรียนหนักและเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีเพื่อเข้าร่วม บริษัท ที่มั่นคง แต่ในยุคปัจจุบัน ผมหวังว่าคนหนุ่มสาวจะมีทางเลือกมากขึ้นและกลายเป็นเจ้าขององค์กร โลกของเรากําลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเป็นยุคที่ในปัจจุบันและอนาคตมีพรมแดนติดกัน ในยุคอดีตเราคุ้นเคยกับคําว่า "การเปลี่ยนแปลง" เพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นต้นฉบับได้ดีขึ้น แต่ยุคนี้เป็นยุคใหม่และเราควรกล้าที่จะสร้างและค้นพบสิ่งใหม่และดีกว่า

ManGu : ปกติแบ่งเวลาให้กับครอบครัวและการทำงานอย่างไร

Pakanawat Hematananan : หลายคนบอกว่าชีวิตต้อง balancing แต่ผมคิดว่าชีวิตต้องเป็นแบบ ผมไม่ได้มองว่านี่คืองาน และนี่คือชีวิตส่วนตัว แต่ผมแยกกัน สำหรับผมจะไม่เอางานเข้าบ้านและไม่เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาที่งาน เราอาจจะมีสวิตช์ตรงนั้น แต่เรามองว่าทุกๆ วันที่เราออกไปทำงาน มันคือสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข กลับมาที่บ้านเราก็มีความสุข การ balancingของผมคือการเสร็จและเด็ดขาดมากๆ จบคือจบเลย ไม่ค้างคาอะไร เช่น ถ้าเราไปทำงานแล้วคิดถึงเรื่องเที่ยว เราก็จะทำงานได้ไม่ดี พอตอนไปเที่ยวคิดถึงเรื่องงาน เราก็เที่ยวไม่สนุก

ManGu : ในฐานะที่คุณเองก็เป็นคนจีน คิดว่าแวดล้อมหรือวัฒนธรรมจีนมีผลกับเรามากน้อยยังไงบ้างคะ

Pakanawat Hematananan : จริง ๆ ภรรยาผมเป็นคนจีนแท้เลยครับ เขาก็มีบอกมีสอนผมเกี่ยวกับวัฒนธรรมเก่า ๆ ของจีนบ้าง ทำอาหารจีนให้ผมลองชิมบ้างอะไรบ้าง ผมชื่นชมเขานะ ความเป็นคนจีนที่เขาขยันทำมาหากิน หมั่นดูแลบ้าน มานะอดทนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ผมก็หวังว่าเรายังจะสามารถถ่ายทอดอะไรดี ๆ แบบนี้ไปให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ครับ

ManGu : สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรเพิ่มเติมให้กับทางผู้อ่านชาวจีนไหม

Pakanawat Hematananan : ผมชอบคติพจน์ที่กล่าวว่า成功不是你能不能，而是你要不要สุภาษิตไทยมักจะพูดว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ดังนั้นผมอยากจะหาทิศทางที่ถูกต้องและขยันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะสามารถมีในสิ่งที่เราต้องการ

Thank You.

Pakanawat Hematananan / คุณภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์

Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blackroom 

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator / Interviews : Natruja   Ming @fahnrj

Column Writer : Zousiyi @joy_zz97 ;Sheldon Chan @sheldonchan1116