———————-
CHAPTER I
“MYTHOS”
———————-
‘She dazzled like a million stars, more beautiful in the light of shaped moon.”
บทกวีพระนิพนธ์ตอนที่สอง พ.ศ. 2562 ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
ภายใต้พิพิธภัณฑ์แฟชั่นอันเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งรวบรวมผลงานงานออกแบบเสื้อผ้าอาภรณ์ระดับกูตูร์ของโลกไว้ราวกับโลกแฟชั่นแห่งจินตนาการ ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ชายหนุ่มคือนักสะสมงานศิลปะที่เข้ามาชื่นชมความงามของงานศิลป์ระดับโลก แต่แล้วก็พลันได้สบสายตากับหญิงสาวผู้นี้ ผู้ซึ่งงดงามราวกับรูปปั้นเทพธิดาในตำนานกรีกโบราณ สายตาของเธอนั้นเป็นประกายระยิบระยับดั่งดาวบนนภานับล้านดวง หนุ่มสาวทั้งสองมิอาจล่วงรู้ได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นคือเรื่องจริงหรือเป็นเพียงฝันไป และทั้งคู่ก็มิอาจจะคาดเดาได้ว่าความรักและความหลงใหลนี้จะลงเอยอย่างไร รู้แต่เพียงว่าช่วงเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกันนั้นคือความสุขอันนิจนิรันดร์อันยากจะลืมเลือน
เรื่องราวจากบทกวีพระนิพนธ์นี้เอง คือที่มาของคอลเลคชั่นทรงออกแบบแห่ง “SIRIVANNAVARI” ประจำฤดูกาลสปริง-ซัมเมอร์ 2020 ที่มีชื่อว่า Mythos Poética (มิทโธส์ โพเอติก้า) บทกวีพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับเรื่องราวโรแมนซ์ในตำนานโบราณ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองการครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ SIRIVANNAVARI โดยคอลเลคชั่นทรงออกแบบล่าสุดนี้เป็นการนำเสนอเอกลักษณ์และรายละเอียดแห่งดีไซน์ที่สำคัญต่างๆตลอดระยะเวลา 15 ปีของแบรนด์ ที่นำมาปรับให้ดูโมเดิร์น และโดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่มีความเป็นเฟมินีน สไตล์แห่งดีไซน์อันล้ำยุค งานปักชั้นครู ไปจนถึงลายกราฟฟิกทรงออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์
———————-
CHAPTER II
“LOVE”
———————-
‘Thou will always be my soul, And I shall be Theeî .”
บทกวีพระนิพนธ์ตอนที่สอง พ.ศ. 2562 ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
สาวในฝันผู้นี้สวยงามราวกับรูปปั้นกรีกโบราณของแพรกซีเทลิส เธอสวมใส่ชุดเพ็บลั่มค็อกเท็ลไหล่เบี่ยงสีเหลืองที่ปักคริสตัลเป็นประกาย (Embroidered Off Shoulder Peplum Dress ในระหว่างที่เธอเดินชมนิทรรศการแฟชั่นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จินตนาการได้นำเธอสู่ห้วงแห่งความฝัน จากห้องหนึ่งเธออยู่ในชุดผ้าไหมทัฟทาร์สีเทาที่ดูโดดเด่นด้วยเดรปรูปโบว์ขนาดใหญ่ (Embroidered Taffeta Draped Deconstructed Bow Dress) เมื่อเธอย่างก้าวเข้าสู่อีกห้องหนึ่ง เธอกลับดูลึกลับน่าค้นหาด้วยชุดเสื้อคอร์เซ็ตมีฮู้ดในตัวที่ตัดเย็บจากผ้าไหมชีฟองประทับลายนำมาเข้าคู่กับกระโปรงหนังป้ายสุดเซ็กซี่
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีพระดำรัสว่า “ปีนี้ก็นับว่าเป็นปีที่แบรนด์ SIRIVANNAVARI มีอายุครบ 15 ปี ซึ่งตลอดทั้งปีนี้ ข้าพเจ้าคงจะได้ทำโปรเจ็คพิเศษหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ แน่นอนว่าข้าพเจ้าคงต้องเริ่มต้นที่คอลเลคชั่นสปริง – ซัมเมอร์ 2020 ซึ่งสำหรับคอลเลคชั่นนี้ คงต้องบอกว่ามีแรงบันดาลใจในการออกแบบที่ซับซ้อนหลากหลายมาก จึงต้องมีการเรียบเรียงความคิดให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียด โดยเริ่มแรก การออกแบบของข้าพเจ้าเริ่มจากความคิดและเรื่องราวที่มาจากบทกวีทั้ง 5 บทที่ข้าพเจ้าแต่งขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างใช้จินตนาการเยอะมาก เพราะเป็นเรื่องราวของการพบรักกันของหนุ่มสาวคู่หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ ที่ความสัมพันธ์ดูแฟนซีราวกับความฝัน ส่วนเรื่องราวจะจบอย่างไร ทุกท่านสามารถตีความกันเองได้ ขณะที่คิดถึงคอนเซ็ปท์คอลเลคชั่นนั้น ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะให้คอลเลคชั่นนี้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ตลอดระยะเวลา 15 ปีด้วย ซึ่งจริงๆแล้วข้าพเจ้าได้นำเอาทั้งงานดีไซน์และเอกลักษณ์ของหลายๆคอลเลคชั่นที่ทำไปแล้วมาต่อยอดและปรับให้โมเดิร์นขึ้น และยังนำงานในอดีตที่เคยคิดไว้แต่ไม่เคยได้ทำออกมาจริงๆ รวมไปถึงงานดีไซน์ที่ทำจัดแสดงตอนเรียนจบที่ปารีสแต่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหน มาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกัน โดยอยู่ภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นล่าสุดนี้”
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำรัสต่ออีกว่า “ในซีซั่นนี้ โครงสร้างของเสื้อผ้าจะมีทั้งทรงเอกลักษณ์ในอดีตที่นำมาปรับใหม่ และสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เลย ผสมผสานกันไป อาทิ แขนเสื้อทรงพองและกางเกงทรงโจงกระเบนที่เป็นคีย์ลุคจากคอลเลคชั่นเพรเซ็นส์ ออฟ เดอะ พาสท์ (Presence of The Past) ในปีค.ศ.2008 ที่นำมาปรับใหม่โดยนำผ้าไหมชีฟองสีงาช้างมาตัดเย็บเป็นเสื้อตัวสั้นไหล่เฉลียงแขนพองสุดโมเดิร์นที่นำมาเข้าคู่กับกางเกงรูปทรงโจงกระเบนที่เพิ่มความเท่ด้วยรายละเอียดสไตล์ไบเกอร์ หรือจะเป็นเทคนิคการทำพู่ระย้า ซึ่งเป็นรายละเอียดหลักของคอลเลคชั่นเอธนิค ร็อค (Ethnic Rock) ในปี ค.ศ. 2009 มาดัดแปลงให้เป็นเสื้อแขนกุดทรงเพ็บลั่มสีงาช้างที่ตกแต่งด้วยชายพู่ระย้ายาว (Fringed Peplum Vest ทำให้ดูเป็นทรวดทรงนาฬิกาทราย ส่วนของโครงเสื้อที่เป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ก็ยังมีให้เห็นอยู่ โดยในคราวนี้ ข้าพเจ้านำเอาผ้าทวีตฝรั่งเศสที่เริ่มใช้ครั้งแรกในคอลเลคชั่นออทั่ม-วินเทอร์ 2019/20 มาตัดเย็บแล้วเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบคัทเอาท์บริเวณไหล่และลำตัว (Cut Out Tweed Biker Jacket) ในขณะที่เอกลักษณ์งานปักฝีมือประณีตบนผ้าบุหงาที่เริ่มมาตั้งแต่ คอลเลคชั่น Napoleonic ในปี ค.ศ.2015 นั้น ก็นำมาอยู่ในคอลเลคชั่นนี้ด้วย โดยปักในลวดลายใหม่แบบสามมิติซึ่งเป็นลายดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ (Lily of the Valley)”
———————-
CHAPTER III
“Poètica”
———————-
‘All shall come in to the trembling moment full of love.”
บทกวีพระนิพนธ์ตอนที่สี่ พ.ศ. 2562 ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง – ซัมเมอร์ 2020 ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 67 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรีของ SIRIVANNAVARI 59 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษของ S’HOMME 8 ลุค นอกจากการนำโครงเสื้อเอกลักษณ์ในอดีตมาตีความใหม่แล้ว คอลเลคชั่นเสื้อผ้าสุภาพสตรีล่าสุดของ SIRIVANNAVARI สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงสร้างสรรค์ลุคและสไตล์ใหม่ๆที่หลากหลาย ตั้งแต่ชุดค็อกเท็ลแบบเทพธิดากรีก (Greek Goddess Cocktail Dress) ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมชีฟองพิมพ์ลายกราฟิกฝีพระหัตถ์อัดพลีต และคาดทับด้วยเข็มขัดประจำซีซั่นที่ทำจากโลหะฉลุชื่อแบรนด์ ชุดค็อกเทลมิดริฟ (Midriff Cocktail Dress) ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมราเฟียร์ (Raffia Yarn) สีธรรมชาติปักทับด้วยลูกไม้สีฟ้าบลูไอวี่ลายดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ อีกทั้งยังรวมไปถึงเทคนิคการตัดเย็บผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอันหลากหลายในลุคเดียวกัน ดังจะเห็นได้จาก เสื้อกั๊กที่เลเยอร์ซ้อนด้วยการตัดต่อผ้าลูกไม้สองเฉดสีและปักทับด้วยลูกไม้แอปลิเก้ เพื่อให้สมกับการเริ่มต้นฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ องค์ดีไซเนอร์ทรงรังสรรค์ชุดสุดตระการตา ที่บ่งบอกถึงความเป็นแฟชั่นชั้นสูงให้แก่คอลเลคชั่นอีกด้วย อาทิ ชุดค็อกเทลรูปหัวใจสีชมพู (Heart Shaped Cocktail Dress) ที่ตัดเย็บจากผ้าบุหงาสีชมพูเลเยอร์ทับผ้าลูกไม้และสร้างความดราม่าด้วยแขนเสื้อพองขนาดโอเว่อร์ไซส์ และชุดราตรีไหล่เดี่ยวหางปลายาว (Asymmetrical One Shoulder Maxi Mermaid Gown) ที่ ตัดเย็บจากผ้าบุหงาสีดำและเพิ่มความอลังการด้วยการจับเดรปรูปริบบิ้นขนาดโอเว่อร์ไซส์
สิ่งพิเศษอีกหนึ่งอย่างในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ งานปักชั้นเยี่ยมจาก SIRIVANNAVARI Atelier and Academy โดยซีซั่นนี้ ได้นำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ การปักขนนกเป็นชายระบายสองเฉดสีขาวและดำบนชุดราตรีหางปลายาวสีขาว งานปักลูกไม้ Appliqué ซ้อนทับบนผ้าลูกไม้ ไปจนถึง การปักเลื่อมและลูกปัดคริสตัลลงบนเสื้อที่ตัดเย็บจากผ้าบุหงา เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟิกฝีพระหัตถ์ ซึ่งลายพิมพ์ภาพกราฟิกทรงออกแบบประจำซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์โดยนำเอาภาพวาดฝีพระหัตถ์รูปสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ สัญลักษณ์จักราศี และลายกราฟฟิกแบบหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ทับซ้อนบนบทความในหนังสือ โดยลายกราฟิกฝีพระหัตถ์นี้ได้ปรากฏให้เห็นตลอดคอลเลคชั่น อาทิ กางเกงเอวสูงขากระดิ่ง ชุดค็อกเท็ลคัดเอ้าท์แบบไม่สมมาตร และคอลเลคชั่นผ้าพันคอ
คอลเลคชั่นเครื่องประดับจิวเวลรี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญที่จะร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ โดยรูปทรงของเครื่องประดับทั้งหมดเป็นการนำเอาเอกลักษณ์ของงานจิวเวลรี่ดีไซน์ที่โดดเด่นมานำเสนอ อาทิ สร้อยสังวาลย์ (Body Necklace) และห่วงคล้องหู (Ear Cuff) โดยในคอลเลคชั่นล่าสุดนี้ จะเน้นรูปทรงของเครื่องประดับที่มีความอ่อนช้อย พลิ้วไหว ดูมีชีวิตแทรกซึมอยู่ในทุกชิ้นงาน โดยองค์ดีไซเนอร์ทรง นำสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่าง ใบโคลเวอร์ (Clover) เหรียญ หัวใจ ผึ้ง ม้า นกฮัมมิ่งเบิร์ด ดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ ประกายแสงของพระอาทิตย์ ภาพวาดฝีพระหัตถ์และนกยูง มาทำให้ดูเป็นแฟชั่นมากขึ้น แต่อบอวลด้วยกลิ่นอายของยุคกรีกโรมันด้วยดีเทลสีทองทั้งด้านและเงา ไปจนถึงสีเงินวินเทจและยังแฝงไว้ซึ่งความสง่างาม อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นให้กับการสไตลิ่งเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้แก่ผู้สวมใส่ ดังจะเห็นได้จาก โช้คเก้อร์โลหะทองประดับด้วยทับทิมสยามและจี้รูปผึ้งที่ปีกทำจากขนนกห้อยรอบเส้น ซึ่งเป็นการนำเอารูปทรงของสร้อย ลูกขนไก่จากคอลเลคชั่นเร้ด ฮอบบี้ (Red Hobby) ในปีค.ศ.2004 มาตีความใหม่ โดยใช้ผึ้งเป็นจุดเด่นของสร้อย หรือจะเป็นห่วงคล้องหูที่นำเอาโลหะทองมาดัดให้เป็นลวดลายของภาพวาดฝีพระหัตถ์ ที่เป็นรูปหน้าซึ่งโดดเด่นที่ดวงตาโดยนำคริสตัลและมุกมาประดับ นอกจากนี้ยังมีแหวนทองเหลืองประดับหินหลากสีที่สามารถถอดสลับสีของหินได้ตามสีมงคลของปีและราศีเกิด สร้อยสังวาลย์พร้อมจี้รูปประกายแสงที่ประดับด้วยมุกบาร์รอค ห่วงทองเหลืองคล้องหูและที่คาดผมลายรวงข้าวประดับด้วยคริสตัล เซ็ตเครื่องประดับช่อใบ Clover ประกอบด้วยโชคเกอร์ทองแหวนและต่างหูทำจากโลหะทองประดับด้วยคริสตัล เซ็คเครื่องประดับดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ ทั้งเข็มกลัด แหวน และต่างหูที่ตัวเรือนทำจากทองเหลืองและประดับด้วยมุกบาร์รอคเพื่อให้ดูเสมือนเป็นดอกไม้จริง
คอลเลคชั่นเครื่องหนังล่าสุดนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเอกลักษณ์ของซีซั่นนี้คือเทคนิคการตัดเย็บหนังที่ผสมผสานหนังสองชนิดเข้าไว้ด้วยกันคือหนังลูกวัวนิ่มพิเศษและหนังลูกวัวสานลายตาราง ซึ่งมีสองรูปทรงคือกระเป๋าสะพายข้างหูรูด (Drawstring Bag) และกระเป๋าสะพายทรงสี่เหลี่ยมบั๊กเก็ต (Bucket Bag) นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเป้หูรูดที่ตัดเย็บจากหนังลูกวัวพิเศษจากอิตาลีสีน้ำตาลลาเต้ ประดับด้วยช่อง เก็บของด้านหน้าเพื่อการใช้งานที่สะดวก ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็มีความโก้หรูไม่แพ้กันดูน่าสนใจด้วยรองเท้าส้นเข็ม (Stiletto) ที่ใช้เทคนิคการตัดเย็บหนังชั้นสูงจากอิตาลีอันมีความละเอียดอ่อนตั้งแต่การ ฟอกหนังให้นิ่มพิเศษไปจนถึงเทคนิคการขึ้นโครงและตัดเย็บเพื่อให้สวมใส่สบายซึ่งมีให้เลือก 5 เฉดสีคือ สีทอง สีโรเซ่ สีดำ สีขาว และสีนู้ด และเพิ่มความพิเศษด้วยพื้นรองเท้าสีชมพู Fuchsia ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีรองเท้ารองเท้าส้นเข้มที่นำเอาผ้าซาตินพิมพ์ลายกราฟฟิกทรงออกแบบมาพันข้อเท้าให้กลายเป็นริบบิ้นอีกด้วย (Ribbon Ankle Wrap Stiletto) เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบบิกินี่ และแบบคัตเอาท์ (Cut Out) ที่ตกแต่งด้วยระบายสีสันฉูดฉาดทั้ง สีช็อกกิ้งพิ้งค์และสีฟ้าเทอร์คอยส์ นอกจากนี้ คอลเลคชั่นนี้ยังมีเสื้อผ้าสไตล์แอ็คทีฟแวร์ (Active wear) สำหรับสาวๆ ที่รักการออกกำลังกายอีกด้วย
สำหรับคอลเลคชั่นสุภาพบุรุษสปริง – ซัมเมอร์ 2020 ของ S’HOMME (เอส ออม) นั้น มีความโก้หรูสไตล์แมสคิวลีน และได้ดึงเอาเอกลักษณ์ จิตวิญญาณ และไลฟ์สไตล์ของผู้ชายตามแบบฉบับของ S’HOMME มารวบรวมและนำเสนอในคอลเลคชั่นนี้เช่นกัน โดยองค์ดีไซเนอร์ทรงนำเอาโครงเสื้อแบบคลาสสิกมาดัดแปลงซึ่งใช้เทคนิคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดเย็บแบบ Deconstructed ทำให้ได้สไตล์ที่ดูโมเดิร์นและแปลกตามากยิ่งขึ้น ดังเห็นได้จากการนำเอาโครงของเสื้อโค้ตยาวจากคอลเลคชั่นฮอร์ส เฮเลน เฮนรี่ (Horse, Helen, Henry) ในปีค.ศ. 2018 มาตีความใหม่ แล้วผสมผสานผ้าสองชนิดคือผ้าคอตตอเน่สีชมพูและผ้าวูลลายทาง สีน้ำตาลเข้าด้วยกัน โดยนำมาตัดต่อเข้ากับซิปแบบไบเกอร์ จึงทำให้ได้โค้ตยาวรูปทรงใหม่ซึ่งดูโก้และโมเดิร์นเมื่อใส่คู่กับกางเกงคร็อปลายทางและเสื้อเชิ้ตทักซิโด้ ในขณะที่หนุ่มอารมณ์ศิลปินน่าจะชื่นชอบกับเสื้อ แจ๊กเก็ตนอติคัล (Nautical Jacket) สีน้ำเงินโคบอลท์ที่ดูเท่และโดดเด่นด้วยแพทเทิร์นแขนเสื้อแบบใหม่และรายละเอียดการประดับซิป และแน่นอนว่าเดนิมคืออีกหนึ่งดีเอ็นเอของ S’HOMME ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยในซีซั่นนี้ได้นำเสนอเสื้อผ้าเดนิมหลากหลายแบบ ทั้งกางเกงเดนิมสลิมฟิตแบบคร็อบที่เข้ากับเสื้อเชิ้ตผ้าไหมลายกราฟิกทรงออกแบบ หรือจะเป็นเสื้อเดนิมตัดต่อแบบแพทช์เวิร์ค (Patchwork) และประดับด้วย แผ่นป้ายเดนิมรูปหัวใจปักตัวอักษร ‘S’ สำหรับคอลเลคชั่นรองเท้าก็นำเสนอทั้งรองเท้าหนังผูกเชือก รองเท้า โลเฟอร์ (Loafer) ตัดเย็บจากหนังกลับ และรองเท้าหนังสาน ส่วนคอลเลคชั่นกระเป๋านำเสนอกระเป๋าคลัทช์สองสี ใบแรกตัดเย็บจากหนังลูกวัวสีดำสานลายตารางและใบที่สองตัดเย็บจากหนังลูกวัวพิเศษจากอิตาลี สีน้ำตาลลาเต้ นอกจากนี้แล้ว คอลเลคชั่นล่าสุด ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างครบครัน ตั้งแต่แฟชั่นจิวเวลรี่ อาทิ แหวน สร้อยคอ และเข็มกลัดประดับเสื้อสูท (Pinsuit) รูปนกยูงไปจนถึงผ้าพันคอ
สามารถชมคอลเลคชั่นทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง–ซัมเมอร์ 2020 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
———————-
CHAPTER IV
“Mythos Poètica”
———————-
‘From kindle to its external and truth were born as formed in an object as such, due to and order of all.”
ปัจฉิมบทแห่งบทกวีพระนิพนธ์ 5 บท พ.ศ. 2562 ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
#sirivannavariss2020
#sirivannavari
#sirivannavaribangkok
#sirivannavarihomme
#sirivannavaribijoux