แนะนำตัวและเล่าจุดเริ่มต้นในการเข้าวงการบันเทิงให้ฟังหน่อยค่ะ
ชื่อ สเตฟ สเตฟานี เลอร์ช นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่า สเตฟก็ได้ค่ะ
เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กค่ะ ก็เหมือนคนอื่น ๆ เลย คือถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบมาเรื่อย ๆ ค่ะ
ทำไมถึงได้ตัดสินใจเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุยังน้อยคะ
ตอนแรกคือยังบอกไม่ได้ค่ะ เพราะว่าตอนนั้นยังเด็กมาก ไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่เราเห็นว่าเรามีโอกาส โอเค ผู้ใหญ่เห็น เราก็เข้าไปแคสงานแบบนี้ค่ะ แล้วก็ทำมาเรื่อย ๆ ซึ่งโอกาสแบบนี้มีน้อย ยิ่งเราเด็ก เรามีอะไรทำก็สนุกดี ตอนนั้นไม่ได้คิดทำจริงจังถึงทุกวันนี้ค่ะ
ทำงานตั้งแต่เด็ก ควบคู่ไปกับการเรียน เรามีการแบ่งเวลายังไงคะ
ตอนแรกก็แบ่งเวลาไม่ได้ ต้องให้คุณแม่แบ่งให้ ตอนที่หนักที่สุดช่วงเรียนมหาวิทยาลัย คือตอนนั้นต้องเลือกจริง ๆ คือตอนนั้นเราเล่นละครอยู่เรื่องนึง เราก็เรียนไปด้วยใช่ไหมคะ แล้วก็มีละครอีกเรื่องนึงเข้ามาค่ะ ตอนนั้นคือเครียดมาก เพราะถ้าอีกเรื่องเข้ามาคือ 7 วันแล้วใช่ไหมคะ ก็เลยคิดไปว่าถ้ารับ เราก็ต้องหยุดเรียน หรือดรอปเรียน ซึ่งเราตั้งใจไว้ว่าเราอยากเรียนจบให้ได้ใน 4 ปี อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ ตอนนั้นคือร้องไห้เลย ต้องปรึกษาหลายคนมาก ก็เลยต้องไปปรึกษาผู้ใหญ่ว่า จริง ๆ อยากเล่นมากนะ แต่ไม่อยากดรอปเรียน สรุปก็เลยรับเล่นเรื่องนั้น แล้วก็มาพูดคุยกับอาจารย์ว่าถ้าเราเข้าเรียนไม่ได้ในบางวัน ขอเปลี่ยนมาเรียนเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ก็ขออาจารย์ในตอนนั้นเพื่อรับละครอีกเรื่องนึงค่ะ
แล้วตอนนั้นมีผลกระทบกับการเรียนไหมคะ
ตอนนั้นถ้าบอกว่าไม่มีก็คงจะเป็นไปไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนนั้นคือแทบไม่ได้เข้าเรียนเลย อาจารย์บางท่านจะไม่เข้าใจ ซึ่งเราจะดูว่าท่านไหนไม่ให้จริง ๆ เราจะไม่หยุด ก็จะขอไปเรียนก่อนแล้วก็ค่อยไปกองถ่ายค่ะ
รายการ Strawberry Cheesecake ถือเป็นผลงานแรก ๆ ในวงการบันเทิงของเราเลยใช่ไหมคะ ตอนนั้นมาร่วมรายการนี้ได้ยังไง
ใช่ค่ะ จะว่ายังนั้นก็ได้ ก็ถือเป็นการเข้าวงการแบบเต็มตัวค่ะ
ตอนนั้นเขาประกาศแคส เราก็เข้าไปแคสแบบไม่ได้ตั้งเป้าไว้ ตอนนั้นเด็กมากค่ะ อายุ 13 ปี (หัวเราะ) แอบโกงอายุเขานิดนึง จริง ๆ เขารับตั้งแต่อายุ 14 ปีขึ้นไป เราคิดแค่ว่าลองเข้าไปแคสดู ก็ไม่เสียหาย แต่ปรากฎว่าเราได้ ก็งง... จนถึงทุกวันนี้ก็ยังงงอยู่ว่าเราเข้าไปถึงตรงนั้นได้ยังไง เขาอาจจะอยากได้เด็กหลาย ๆ สไตล์มั้งคะ
หลังจากได้ลองชิมลางงานพิธีกรแล้ว มาเริ่มต้นงานแสดงได้ยังไงคะ
หลังจากเป็นพิธีกรรายการ Strawberry Cheesecake มาได้ 1 ปี ก็มีถ่ายโฆษณา ผู้ใหญ่ท่านนึงเห็นเราจากโฆษณานั้น เราก็เลยมีโอกาสเข้าไปแคสละครค่ายโพลีพลัสค่ะ แล้วก็ได้เซ็นสัญญากับโพลีพลัสเลยตอนนั้นน่ะค่ะ
หลังจากมาอยู่ช่อง 3 ก็มีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่อง ทั้ง สะใภ้กาฝาก, มาตุภูมิแห่งหัวใจ, บ่วงนฤมิต และแก้วกลางดง
ใช่ค่ะ บางคนที่ติดตามก็จะรู้ว่าเราย้ายมาช่อง 3 ส่วนบางคนที่ไม่ได้ติดตามเรามาก็จะเข้าใจว่าเราห่างหายไปนาน คือมีช่วงที่ละครที่เราเล่นไม่ได้ออนแอร์ติด ๆ กัน คนก็เลยคิดว่าเราหายไป เพราะว่าไม่มีละครออนแอร์ในช่วงนั้น บางคนเขาจะจำเราได้ว่าเราเคยเล่นละครอีกช่องนึงมาก่อน แต่บางคนก็จะยังไม่ทราบว่าเราย้ายช่องแล้ว
10 กว่าปีในวงการบันเทิงของเรา คิดว่าได้เรียนรู้เรื่องอะไรบ้างคะ
อยากจะบอกว่าการมีวินัยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ แล้วก็การตรงต่อเวลา การให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ตอนนี้เห็นบางคนเป็นเด็กใหม่เข้ามาเราจะเข้าใจเพราะเราเคยผ่านมาก่อน ยิ่งเราอยู่มานานเราจะรู้เลยว่าเราพัฒนามาเยอะกว่าแต่ก่อนมากค่ะ
ล่าสุดละครเรื่อง เทพธิดาปลาร้า กำลังออกอากาศ ในเรื่องเรารับบทเป็นใคร คาร์แรกเตอร์เป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
ในเรื่อง เทพธิดาปลาร้า สเตฟรับบทเป็น สุขคนึง ซึ่งเป็นน้องสาวของพระเอก คือคุณกระทิง คาแรกเตอร์ของสุขคนึงเป็นเหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักโลกภายนอกเท่าไร คุณพ่อคุณแม่คอยดูแลเราแบบใกล้ชิด คือจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ว่านอนสอนง่าย พอมีผู้ชายคนนึงเข้ามาหาเรา เราก็เชื่อเขาหมดใจ แต่ว่าจริง ๆ เขาเข้ามาหลอกจะเอาทรัพย์สมบัติค่ะ เราไม่รู้ว่าเขาหลอก จนถึงนาทีสุดท้ายที่รู้คือ อ้าว หมดตัวแล้ว
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้ชมไม่ควรพลาดละครเรื่องนี้
ความน่าติดตามของเรื่อง เทพธิดาปลาร้า นะคะ น่าจะเป็นความคอเมดี้ของคู่พระนาง คือสนุกมาก ฮากระจาย แต่พาร์ทของเราจะเป็นแนว ๆ ตึงเครียด โดนหลอก โดนย่ำยี คือเราโดนหนักมากตั้งแต่เริ่มเรื่องจนต้องไปแต่งานกับผู้ชายคนนั้นที่มาหลอกเรา พาร์ทเราคือเครียด ดราม่าหนักเลย แต่พระเอกนางเอกจะคอเมดี้ สนุกค่ะ ครบรสในเรื่องเดียวเลย
มีไอดอลนักแสดงที่ชื่นชอบหรืออยากร่วมงานด้วยไหมคะ
คือ...ถ้าบอกตรง ๆ คือเราชื่นชอบทุกคนนะคะ เพราะว่าแต่ละคนจะมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกัน เราอาจจะชอบคนนี้จากเรื่องนี้นะ และเราก็ชอบอีกคนจากอีกเรื่องนึง คือเราชอบการแสดงของเขา เออ พี่คนนี้เล่นคาแรกเตอร์นี้ เล่นแนวนี้ดีนะ โดยรวมคือเราจะชอบทุกคน เพราะว่าเราดูที่การแสดงเป็นหลักค่ะ
ปกติไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเราเป็นยังไงบ้าง มีงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่ชอบทำไหม
ตอนนี้เหรอ ตั้งแต่โควิดเราก็อยู่บ้าน ก็จะเข้าครัว ทำขนมค่ะ ตอนนี้ติดการทำขนม เราชอบทานเค้กกล้วยหอม เราก็ลองทำเองดู เป็นสูตรของเรา แล้วก็จะให้คนอื่นช่วยชิมว่ารสชาติโอเคไหม เราก็จะทำแบบสไตล์เรา ก็คือจะลดแป้ง ลดเนย ลดน้ำตาล ให้ Healthy เข้ากับตัวเรา แล้วให้คนอื่นชิมว่าอันนี้โอเคไหม เขาก็จะแนะนำเราว่าควรลด หรือเพิ่มอะไร ก็จะปรับปรุงไปเรื่อย ๆ เราจะชอบทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแต่ก็อยากให้คนอื่นทานได้ด้วย
5 สิ่งสำคัญที่ต้องพกติดกระเป๋าของเราคืออะไร
อันนี้เราจะพกมาตั้งแต่ก่อนโควิดเลย คือ สเปรย์ หรือเจลล้างมือ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ
อีกอันคือ ลิปบาล์ม เพราะเราจะเป็นคนไม่แต่งหน้า ซึ่งหน้าเราจะซีดมากเวลาไม่แต่งหน้า ก็ขอแค่มีสีที่ปากหน่อยก็เติมลิปบาล์มเข้าไปก็จบแล้ว จะได้ไม่ซีดมากเกินไป
กระเป๋าสตางค์คงไม่ต้องพกแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้จะใช้มือถือสแกนแทน จะเป็นมือถือที่ขาดไม่ได้
อีกอย่างคือ กุญแจบ้าน ค่ะ เป็นคนไม่พกเงินเยอะเพราะกลัว กลัวโดนขโมย กับ กลัวใช้เงินเยอะ (หัวเราะ)
ปกติชอบแฟชั่นไหมคะ ชอบแต่งตัวสไตล์ไหน
เราเป็นคนชอบแฟชั่นนะ เราดูตลอด แต่เราไม่ค่อยซื้อตาม เพราะว่าเมื่อก่อนเราใช้ชีวิตมาเยอะ แล้วซื้อตามแฟชั่น ก็รู้สึกว่าเปลือง แล้วแฟชั่นมันจะอยู่แค่ช่วงนั้น ๆ น่ะค่ะ ตอนนี้เราเลยจะเลือกดูอะไรที่เราจะใส่ได้นาน ๆ พวก Basic Item แบบนี้ค่ะ เราก็จะซื้อ คือตามแฟชั่นไม่ไหวแล้วค่ะ (หัวเราะ)
แอคเซสเซอรี่ชิ้นโปรดของเราที่ต้องมีติดตัวคืออะไรคะ
ที่ใช้บ่อย ๆ เลยคือตุ้มหูค่ะ ขาดไม่ได้เลย เพราะว่าเราจะแต่งตัวแนวกางเกงยีนส์เสื้อขาว ซึ่งไม่อยากให้ Plain ไป เลยใส่มาเพิ่มนิดนึงค่ะ
มีอาหารสุดโปรดไหม
อาหารที่ชอบคืออะไรก็ได้ที่เป็นวุ้นเส้นค่ะ ชอบวุ้นเส้นมาก ถ้าสั่งผัดซีอิ๊วก็จะขอเปลี่ยนเป็นวุ้นเส้นแทน ชอบแนว ๆ ยำวุ้นเส้น สุกี้แห้ง อะไรก็ได้ที่เป็นวุ้นเส้นค่ะ
ถ้าให้แนะนำอาหารไทยให้แฟน ๆ ชาวจีน อยากแนะนำเมนูอะไร
ไม่รู้จะแนะนำอาหารอะไร แต่ขอไม่แนะนำต้มยำกุ้งกับส้มตำละกัน เพราะชาวจีนน่าจะรู้จักกันแล้ว
อืม...งั้นขอแนะนำแกงเขียวหวาน ขนมจีนค่ะ หนูเคยเห็นที่เขาใช้ฟักทองมาทำ ก็จะเข้มข้นขึ้น
ชอบสัตว์เลี้ยงไหมคะ ถ้าเลี้ยงได้อยากเลี้ยงอะไร
เคยมีสุนัขค่ะ แต่น้องเพิ่งเสียไป ถ้าถามว่าอยากเลี้ยงอีกไหม คิดว่าขอไปเล่นของคนอื่น ๆ หรือตามคาเฟ่แทนดีกว่า เพราะตอนที่น้องไม่อยู่กับเราแล้วเรารู้สึกทำใจไม่ได้ เหมือนเราผูกพันกับเขา แต่ชอบหมาพันธุ์ไส้กรอกค่ะ (ดัชชุน) จริง ๆ เราเป็นคนขี้เบื่อด้วย อาจจะเล่นได้ไม่นานก็หยุดแล้ว พอแล้ว
ชอบเล่นโซเชียลไหมคะ ปกติเล่นแอปไหนมากที่สุด ชอบดูอะไรในโซเชียล
แต่ก่อนจะชอบเล่น Instagram เพราะดูแค่รูปได้เลย แต่ถ้าเป็นเพจ Facebook เราจะชอบดูเพจท่องเที่ยว ที่สวย ๆ ที่เราไม่เคยไปค่ะ เพราะนอกจากรูปสวย ๆ ก็จะมีคอนเทนต์ดี ๆ ให้อ่านด้วยค่ะ
ปกติชอบไปเที่ยวที่ไหนคะ ในประเทศหรือต่างประเทศ ถ้ากลับมาเที่ยวได้ปกติ ประเทศแรกที่อยากบินไปเที่ยวคือที่ไหนคะ
เราไปไหนก็ได้ที่อากาศเย็น ๆ เพราะอยู่กรุงเทพฯจะร้อนตลอดเวลา ก็สามารถไปที่ไหนก็ได้ จะไทยหรือต่างประเทศก็ได้แต่ขอให้อากาศเย็นค่ะ
อยากให้แนะนำสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเรา ที่อยากให้แฟน ๆ รู้จักมากขึ้น
(คิดสักพัก) 1.ลูกครึ่ง 2.ไฟนีออน เพราะว่าเราขาวมาก 3.หน้าไม่ค่อยรับแขก (หัวเราะ) เพราะเวลาเรานิ่ง ๆ เราจะดูหยิ่ง ๆ หน่อย แต่จริง ๆ เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ด้วยความที่เราทำงานก็อยากถนอมหน้าเลยไม่อยากยิ้มเยอะ กลัวตีนกาขึ้น (หัวเราะ) หนูเลยพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดค่ะ
ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้อย่างไรบ้างคะ ทั้งเรื่องส่วนตัว การแสดง หรืองานวงการบันเทิง
ปกติเป็นคนไม่ค่อยตั้งเป้าหมายในชีวิตมากเท่าไรค่ะ เพราะถ้าเราตั้งไว้แล้วไปไม่ถึงสักที เราจะรู้สึกท้อแท้ เลยจะเป็นคนที่ทำในสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุด เชื่อว่าจะดีเองในอนาคต สเตฟเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่เขามอบงานให้เรา เขาจะเห็นความตั้งใจของเราเอง ก็เล่นละครต่อไปให้ดีที่สุดค่ะ อยากจะเต็มที่กับตรงนี้ก่อนค่ะ
สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่สนับสนุนเราหน่อยค่ะ และฝากช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ
ก็ต้องขอขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ ส่วนใครที่เพิ่งเข้ามารู้จักกันก็ขอฝากติดตามสเตฟด้วยนะคะ ก็ฝากติดตามละครต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าช่วงไหนไม่เจอ หรือหายไปก็คงจะถ่ายละครอยู่ค่ะ แต่อาจจะยังไม่ได้ออกอากาศ ก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ อย่าคิดว่าเราไม่ได้ทำแล้ว ก็ทำเรื่อย ๆ ค่ะ แค่ไม่ได้ออนต่อเนื่อง
ส่วนช่องทางการติดตามก็อยากฝาก Instagram @stephanielerch ค่ะ เพราะเราจะ Update ใน Instagram บ่อยที่สุด สามารถติดตามกันได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
Thanks
สเตฟ สเตฟานี เลอร์ช / Steff Stephanie Lerch
IG : @stephanielerch
ขอบคุณสถานที่ :@drink76_coffee (Drink 76 Coffee, Sukhonthasawat 9)
Special thanks : @hubsub_official @bee_emily
Photographer : Thanravee Khamthuen @iamjames_tk
Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon
Column Writer : Nathanich Srijumnong @myselfworth_