จุดเริ่มต้นเข้าในการสู่วงการบันเทิงของคุณเคนเป็นยังไงบ้างคะ
เคน : โห ถ้าตั้งแต่เด็กเลยก็จะเป็นทางคุณพ่อ เพราะคุณพ่อเป็นผู้กำกับ เป็นละครเด็กครับ เป็นเด็นที่อยู่ในบ้านมีแต่คุณพ่อ และมีคุณยายเจ้าระเบียบคอยดุ มีพี่สาวคนโตคือพี่หมิว ลลิตา ผมก็ได้เล่นเป็นน้องชายเกือบสุดท้องที่อยู่ในบ้านนั้น ก็เป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นละคร
หลังจากนั้นก็ได้มาเล่นเป็นตัวละครนำในเรื่อง “ต้นส้มแสนรัก” เป็นแนวดราม่า เป็นเด็กมีจินตนาการคุยกับต้นส้มเป็นเพื่อน เพราะไม่มีเพื่อน พ่อก็ขี้เมา ตอนหลังเรื่องจะดราม่ามากจนมีตัวละครตาย ผมก็เลยเป็นความฝังใจว่าไม่อยากเล่นละครอีกต่อไปแล้ว เพราะวันหยุดก็ไม่ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนตอนนั้นต้องไปถ่ายละคร
อีกช่วงคือกลับมาอีกทีก็คือตอนโตเลยครับ ผมไปเรียนที่อเมริกา พอช่วงวิกฤตค่าเงินบาทต้มยำกุ้งก็กลับมา เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้พักก่อน แม่ก็ค่อย ๆ บอกกับผมว่า ถ้าอยากกลับไปเรียนผมต้องหาเงินเอง (หัวเราะ) ก็เลยให้ลองไปทำนู่นทำนี่ ไปถ่ายรายการนิดหน่อย ถ่ายโฆษณาบ้าง แล้วก็เริ่มมีคนเห็น จนได้มาเล่นละครนี่แหละครับ ละครเรื่องแรกคือเรื่อง “พุ่มพวง” ทางช่อง 7 ครับ
คือจากตอนแรกผมแพลนแค่จะเก็บเงินก็เลยมาเป็นนักแสดง สัก 2-3 ปีพอได้เงินเก็บผมก็จะกลับไปเรียนต่อ ก็จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปเรียนต่อเลยครับ ตอนนี้ลูกจะ 13 แล้วคงไม่ได้กลับไปเรียนแล้ว (หัวเราะ)
พูดถึง ละคร “รักนิรันดร์จันทรา” ที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ทางช่อง 3 ให้ฟังหน่อยค่ะ ว่าเป็นละครแนวไหน และเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
เคน : ก็เป็นธีมความรักเลยครับ เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนึงในอดีตเขารักผู้หญิงคนนี้มาก แต่อยู่นยุคอยุธยา ช่วงสงครามพอดี แล้วก็มีเหตุให้ผู้ชายคนนี้ต้องหนีตายจากจอมโจร ซึ่งตอนที่กำลังหนีอยู่ก็ดันไปเจอกับแวมไพร์ ซึ่งติดมากับเรือสินค้าจากยุโรปสมัยก่อนที่เข้ามาในอยุธยาเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากัน แล้วในเรือนั้นดันมาแวมไพร์ติดมาด้วย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็กระโดดลงหน้าผาแถวจ.ระยองแล้วไปเจอกับเรือสินค้าอับปาง เพราะแวมไพร์กัดทุกคนบนเรือตายหมดแล้ว เรือก็เลยอับปางมาอยู่แถวจ.ระยอง ผู้ชายก็หนีโจรกระโดดลงไปเจอแวมไพร์กัด เพื่อนมาช่วยไว้ก็กลับหาภรรยา ภรรยานึกว่าจะตาย ก็ประมาณโรมิโอกับจูเลียตที่สัญญาว่าจะรักกันทุกชาติไป เพราะเห็นว่าเราน่าจะตาย แล้วภรรยาก็ฆ่าตัวตาย แต่ตอนที่เขาตาย ผู้ชายคนนี้กลับไม่ตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมา เลือดแวมไพร์เพิ่งมีฤทธิ์ก็เลยฟื้น ก็เลยพลัดพรากจากภรรยาในตอนนั้น แต่ด้วยความเป็นคนที่ยึดมั่นในความรัก ก็เลยจะรอจนกว่าผู้หญิงคนนี้จะกลับมาเกิดอีกครั้ง เรื่องก็มาถึงปัจจุบันได้มาเจอผู้หญิงคนนี้ที่รอมา 200 กว่าปี
ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกับ “ไอซ์ ปรีชญา” ในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
เคน : ผมก็ได้ติดตามงานเขาตั้งแต่ “ATM เออรักเออเร่อ” อยู่นะ เขาก็ดูเป็นผู้หญิงที่ตลก น่ารักดี แนว Comedy อาจจะเพราะบทบาทที่เขาได้รับ บทในเรื่องนี้ก็มีคาแรกเตอร์ประมาณไอซ์เลยแหละ เป็นสาวออฟฟิศ โก๊ะ ๆ หน่อย แบบในเชิงน่ารักครับ
แล้วความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกับ “ค่ายชลลัมพี บราเธอร์” ในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
เคน : เป็นครั้งแรกเลยครับเรื่องนี้ ทุกอย่างครั้งแรกหมดเลย พี่ต้นพี่ต้องก็น่ารักมากครับ นี่ก็คาดว่าจะต้องร่วมงานกันไปอีกเรื่อย ๆ ครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมเองไม่ค่อยได้เจอกับผู้จัดที่เป็นผู้ชายนะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้หญิง พอได้เจอผู้จัดที่เป็นผู้ชายก็จะได้ความรู้สึกอีกแบบครับ แมน ๆ คุยกันได้เหมือนได้คุยกับเพื่อนอะไรแบบนี้ อารมณ์ของละครก็จะมีความเป็นผู้ชายเข้ามาด้วยครับ
เห็นว่าเรื่องนี้ถ่ายทำกันนานเป็นปีกว่าเลยใช่ไหมคะ
เคน : ใช่ครับ เพราะเป็นช่วงโควิด-19 ด้วย จริง ๆ ก็น่าจะถ่ายเสร็จไปนานแล้วแหละ ต้องได้ออกอากาศเมื่อปีที่แล้วด้วย แต่พอมีโควิด-19 ก็เลยดีเลย์ออกมาครับ
คาแรกเตอร์ของคุณเคน จากเรื่อง “รักนิรันดร์จันทรา” เป็นอย่างไรบ้างคะ มีความยากง่ายยังไงบ้าง
เคน : ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ยึดในรักมาจนถึงปัจจุบัน ก็จะมีความเชย ๆ ของตัวเองอยู่เพราะว่าอยู่มานาน 200 ปีแล้ว เลยเป็นคนที่เก่งเพราะว่าเห็นโลกมานาน เห็นการเปลี่ยนแปลงมาหลายอย่าง อีกมุมของเขาก็ยังมีความโบราณอยู่ เลยมีความเป็นคอเมดี้ซ่อนอยู่ในตัวแวมไพร์ (หัวเราะ) ดู ๆ ไปก็จะรู้สึกเหมือนแวมไพร์ในการ์ตูนเรื่อง Transilvania (หัวเราะ) เวลาที่แวมไพร์มีความรักจะจีบสาว เขาก็จะพูดบทกลอนขึ้นมา ผู้หญิงก็จะรู้สึกแปลก เหวอ ๆ นิดนึงครับ
มีฉากที่อยากให้ผู้ชมติดตามชมเป็นพิเศษไหมคะ
เคน : ก็มีหลายฉากเลยครับ โดยเฉพาะพวกซีนคอเมดี้ บางทีตอนอ่านบทผมก็นึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาเป็นคอเมดี้ได้ยังไง แต่พอออกมาแล้วตลกน่ารักดีแบบนี้ครับ ก็อยากให้รอดูกัน แล้วก็เอาใจช่วยแวมไพร์จีบผู้หญิงไปด้วยเพราะด้วยความเชยของเขามาจีบผู้หญิงก็จะตลก ๆ ดีครับ
3 ข้อสั้น ๆ ที่แฟน ๆ ไม่ควรพลาด ละคร “รักนิรันดร์จันทรา” หน่อยค่ะ
เคน : ข้อแรก ต้องดู...เพราะผมเล่นเลยครับ (หัวเราะ)
ข้อสอง ต้องดู...เพราะว่าผมไม่เคยรับบทแวมไพร์มาก่อน
ข้อสาม ต้องดู...เพราะผมไม่เคยเล่นกับไอซ์ครับ ทุกอย่างคือผมหมดเลยครับ (หัวเราะ)
พูดถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของคุณเคนช่วงนี้ให้ฟังหน่อย เห็นว่ากำลังฮิตเล่น Surf Skate เลย เล่นเก่งมากด้วย เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าที่มาที่ไปทำไมถึงไปติดใจการเล่น Surf Skate ได้คะ
เคน : จริง ๆ สมัยก่อนผมเล่นสเก็ตที่เป็นดาวน์ฮิลครับ เป็นสเก็ตลงเนิน กับเพื่อนฝรั่งครับมาหลายปีแล้ว แต่อันนั้นคือค่อนข้างอันตรายมากเลยครับ พอตอนหลังเพื่อนฝรั่งคนนี้ก็กลับประเทศสวีเดนไป ผมก็เลยไม่มีบัดดี้ ก็ห่างหายไปไม่ค่อยได้เล่น พอมาช่วงโควิด – 19 ปีที่แล้วนี่แหละ ที่เริ่มว่างก็เลยลองหาอะไรมาเล่น ก็เอ๊ะมี Surf Skate นี่ ก็คือกีฬาพวกนี้มันอันตรายหมดแหละ แต่ถ้าถามผม ก็รู้สึกว่าจะอันตรายน้อยกว่าการเล่นที่ลงมาจากเนิน ก็เลยเริ่มหัดเล่นครับ
เห็นเล่น Surf Skate กันทั้งครอบครัวเลย สองหนุ่ม น้องคุณ น้องจุน รวมไปถึงคุณหน่อยก็เอนจอยกับ Surf Skate ด้วยมาก ๆ เลย
เคน : ใช่ครับ เพราะสุดท้ายแล้วเวลาผมทำอะไรพวกนี้ ผมต้องการให้เป็นกิจกรรมในครอบครัวนี่แหละ ก็อยากให้ทุกคนในบ้านออกมาสนุกกันได้หมดครับ ไม่ใช่ว่าผมออกมาเล่นคนเดียวแล้วทิ้งลูกทิ้งภรรยาไว้ในบ้านแบบนั้น ไม่ชอบแบบนั้น ผมก็เลยเริ่มสอนลูกชาย สอนคุณหน่อยให้เล่นได้ พอตกเย็นเราก็สามารถมาพูดคุยเรื่องเดียวกันได้ ออกมานั่งคุยกันได้ ออกมาเล่นกันได้ จริง ๆ แล้วการเล่นมันก็เป็นส่วนนึงนะ แต่สุดท้ายแล้วผมว่าการที่เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันผมว่าตรงนั้นสำคัญกว่าครับ
ใครเล่นเก่งที่สุดในบ้านคะ
เคน : โอ้โห ยังต้องถามอีกเหรอ (หัวเราะ) ไม่ครับลูก ๆ ผมก็เก่ง น้องคุณเล่นเก่งครับ
มีวิธี Safe ตัวเองอย่างไรบ้างคะ
เคน : จริง ๆ พวกนี้แรก ๆ เลย ตอนที่หัดอาจจะไม่มีคนเห็น เราก็ใส่เครื่องป้องกันกันหมดทุกคนเลย ผมก็ใส่น้องคุณก็ใส่ แต่ไม่ได้แนะนำว่าทุกคนต้องถอดนะ คือที่เราทำอยู่ก็ต้องฝึกล้มด้วยครับ ไม่ใช่เล่นเป็นอย่างเดียว กีฬาพวกนี้เราต้องฝึกวิธีการลงด้วยครับ ก็คือล้มให้กลิ้งไป ไม่ใช่ว่าล้มให้ไม่เจ็บนะ แต่ต้องผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราอยากจะลองอะไรใหม่ ๆ เราก็จะใส่เครื่องป้องกันครับ
กล้องฟิล์ม การดริฟกาแฟ อีกกิจกรรมยามว่างที่คุณเคนมักจะทำเป็นประจำ เล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมถึงชอบกล้องฟิล์มคะ
เคน : ใช่ครับ กล้องฟิลม์นี่ชอบตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เลยครับ เพราะคุณพ่อเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็จะมีกล้องเก่า ผมก็จะแอบไปจับ ตอนนั้นคุณพ่อก็หวง พอถึงวันที่ผมโตพอคุณพ่อก็ให้กล้องผมแล้วก็สอนวิธีใช้ ผมก็เลยรู้สึกภูมิใจมากเหมือนได้ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์มาเลย (หัวเราะ) ก็เอาไปใช้ตลอดทุกที่ เลยกลายเป็นงานอดีเรกที่ติดตัวเรามาจนถึงทุกวันนี้ครับ ก็ชอบถ่ายรูปด้วยกล้องฟิลม์ครับ
เนื่องจากเราเป็นนิตยสารสำหรับชาวจีนที่สนใจความเป็นไทย จึงอยากให้คุณเคนช่วยแนะนำสถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ ในไทยที่คุณเคนชื่นชอบให้ชาวจีนได้รู้จักหน่อยค่ะ
เคน : จริง ๆ ถ่ายรูปสามารถถ่ายได้ทุกที่นะ อยู่ที่แสงที่มู๊ด อยู่ที่ช่วงเวลาของวันครับ จริง ๆ เราอยู่ที่บ้านก็ถ่ายได้ ที่ถนนก็ถ่ายได้ อยู่ที่มุมมองของคนถ่ายครับ
ทำงานในวงการบันเทิงทั้งคุณพ่อคุณแม่เลย อยากให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงตามรอยคุณพ่อคุณแม่ไหมคะ หรือตอนนี้ลูกชายมีความชื่นชอบไปในทางไหนเป็นพิเศษไหม
เคน : ไม่เลยครับ ไม่คือไม่ได้ห้าม แล้วก็ไม่ได้ผลักดันให้เข้าวงการครับ ก็แล้วแต่เขาเลยว่าเขาอยากเป็นอะไร ผมไม่บังคับ แต่ถ้าเขาชอบ เราก็พร้อมสนับสนุนครับ
ทำงานวงการบันเทิงมายาวนานจนเป็นไอดอลของใครหลายคน คุณเคนมีอะไรอยากจะฝากถึงน้อง ๆ รุ่นหลัง หรือคนที่มองคุณเคนเป็นต้นแบบไหมคะ
เคน : สำหรับคนที่มองเห็นว่าผมเป็นต้นแบบ ก็แปลว่าเขาเห็นสิ่งที่ดีในตัวผม แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่า เด็ก ๆ รุ่นใหม่ทุกคนเขาคงอยากจะเป็นตัวเองหมดแหละ เขาคงไม่ได้อยากจะเป็นผม แต่ก็อาจจะเอาข้อดีของผมในบางเรื่องไปใช้ เพื่อเอาไปผสมให้เป็นตัวเขาเองนี่แหละครับ
คุณเคนทำอะไรมามากมายเลยในวงการบันเทิง มีสิ่งไหนวงการบันเทิงที่คุณเคนสนใจอยากทำ หรืออะไรที่นอกเหนือจากวงการบันเทิงที่คุณเคนสนใจอยากทำเป็นพิเศษไหมคะ
เคน : ผมก็ชอบถ่ายรูป ท่องเที่ยว ดริปกาแฟนี่แหละครับ แล้วผมก็ชอบเรื่องเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ชอบการสร้างบ้าน ชอบอินทีเรีย ชอบเฟอร์นิเจอร์อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งผมทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วแต่แค่มันไม่ได้เป็นอาชีพเท่านั้นเองครับ เหมือนเป็นสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของผมครับ
สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีน
เคน : ครับขอบคุณมากครับสำหรับใครที่ยังชื่นชอบกันอยู่ ติดตามกันมานาน โหผมยังจำได้อยู่เลย น่าจะประมาณตอนผมอายุ 30 ปี ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วช่วงนั้นแฟนจีนเหนียวแน่นมาก เขาจะมีของมาฝาก ดั้นด้นกันมาในสมัยนั้น บินกันมาเลย แล้วก็จะมีตัวแทนมา คือผมไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย แต่เขาก็มีความสามารถจนมาเจอผมที่กองถ่ายได้ในตอนนั้น ไม่รู้ว่าเขามายังไง แต่เขามาเป็นตัวแทนแฟนคลับจากจีนมาหาผมที่กองถ่าย เอาของมาให้ จนวันนึงก็ทำหนังสือรวมหนังสือหนามากมาให้เรา เป็นหนังสือที่ทุกคนเขียนมารวมรูปมาให้ผม คือรวบรวมมาเป็นเล่มใหญ่มาก พอผมเปิดอ่านแล้วก็รู้สึกว่า โห...เป็นความยิ่งใหญ่มาก แบบซาบซึ้งใจที่เขามีความพยายามจนทำหนังสือเป็นเล่มใหญ่มาก ก็อยากจะขอขอบคุณพวกเขามาก ๆ เลย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังขอบคุณเขาเสมอ เขาก็ยังมีทำอะไรให้อยู่บ้าง จริง ๆ ตัวผมเองงานไม่ได้เยอะเท่าไรแล้วในช่วงนี้ เขาก็ยังมีทำอะไรให้ผมอยู่ ก็ขอบคุณจริง ๆ ครับ ซาบซึ้งใจมาก ๆ ครับ
Thanks
Kane Theeradej Wongpuapan / เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์
IG : @kun_jun & @mi_familia_fotos
Make up : @aor.sujitra
Hair : @tainuttiya
Special thanks : @golfbie_zupzip
Photographer : Thanravee Khamthuen @iamjames_tk
Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator
Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon
Column Writer : @myselfworth_