news-details

MANGU E-Magazine Issue 211 (1st July 2021) คอลัมน์ Star : พูดคุยกับ “กระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์” และ “บัว นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ” สองนักแสดงนำจากละคร “แค้นรักสลับชะตา” ทางช่อง 3

แนะนำตัว พร้อมประวัติคร่าว ๆ ผลงานในวงการที่ผ่านมา

กระทิง : สวัสดีครับ ผมกระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ ครับ ผลงานที่ผ่านมามี “เทพธิดาปลาร้า” แล้วก็ “พราวมุก” กำลังออนแอร์ครับ

บัว : สวัสดีค่ะ บัว นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพค่ะ ผลงานที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่องเลย เอาเป็นว่าที่เพิ่งผ่านไปก็มี “ร้อยเล่ห์มารยา” ค่ะ แล้วก็ “พราวมุก” ค่ะ มาเรื่องล่าสุดก็คือ “แค้นรักสลับชะตา” ค่ะ

พูดถึงผลงานที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ของทั้งสองคนอย่าง “แค้นรักสลับชะตา” ให้ฟังหน่อยค่ะว่าเป็นละครแนวไหน เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

บัว : มีหลายแนวมาก ๆ เลยก็จะมีโรแมนติกคอเมดี้ด้วย แล้วก็แอ็คชั่นด้วยค่ะ มีความแฟนตาซีด้วย ก็จะเป็นผู้ชายสองคนมาสลับร่างกัน เธอต้องเล่าต่อแล้วล่ะ (หัวเราะ) ว่าเขาสลับร่างกันเพราะอะไร

กระทิง : ครับก็เรื่องนี้ผมกับพี่อาเล็กสลับร่างกันนะครับ มีเหตุผล มีที่มาจากโชคชะตาว่าทำไมเราสองคนถึงได้มาสลับร่างกันครับ ต้องไปดูในละครครับ

ในเรื่อง “แค้นรักสลับชะตา” รับบทเป็นใครกันบ้างคะเล่าให้ฟังหน่อย คาแรกเตอร์ของทั้งสองคนที่ได้รับเป็นอย่างไร มีความยากง่ายยังไงบ้าง

กระทิง : ครับผมรับบทเป็นสองตัวละครเลย เตช กับ วัท สองคนนี้จะต่างกันมากเลยครับ ด้วยความที่โตมาไม่เหมือนกัน คนนึงโตมาเพียบพร้อมมาก ได้รับความรักที่เพียบพร้อมไม่เคยขาดอะไรในชีวิต ส่วนอีกคนโหยหาทุกอย่าง ทั้งความรัก เงินทอง และความสุข โดยที่สองคนนี้ได้มาสลับร่างกัน คนที่เพียบพร้อมชื่อ เตช เป็นนักบินครับ ส่วนอีกคนนึงชื่อ วัท เป็นดาราที่มีปัญหาเรื่องเสพยาเสพติด เรื่องงาน เพราะเขาต้องการความสุขที่เขาขาดครับ

บัว : ส่วนบัวก็รับบทเป็นกุลนิษฐ์ค่ะ เรื่องนี้เป็นคุณหมอค่ะ ภายนอกดูเป็นคุณหมอสวย ๆ หวาน ๆ แต่จริง ๆ เป็นคุณหมอนิติเวช เป็นคุณหมอผ่าศพค่ะ คาแรกเตอร์ของกุลเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ ที่จะทำทุกอย่างให้เพอร์เฟคค่ะ เวลาอยู่กับแฟน เขาก็จะเป็นคนที่โลกสดใส มีความสุขค่ะ พอมาเป็นพาร์ทของการทำงานเขาจะจริงจังมาก ๆ เพราะเขาจะมีคติอยู่อย่างนึงว่า ความรู้เท่านั้นที่จะทำให้คนดีได้ ก็เป็นคนที่บ้างาน ตั้งใจทำงานมาก ๆ โดยหมอกุลเนี่ยเป็นแฟนกับเตชค่ะ คู่นี้จะเป็นสองคนที่เป็นขั้วบวกเหมือนกัน เตชก็จะคอยจัดการทุกอย่างเพราะหวังดี ส่วนเราเองก็จะมีอุดมคติของเรา มีเป้าหมายในชีวิตของเรา อย่ามาจัดการให้เรานะ พออยู่ด้วยกันก็เลยเหมือนกลายขั้วบวกที่ตีกันค่ะ

บัวเองก็ต้องรับบทเป็นหมอกุลด้วย มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ

บัว : อย่างบัวเวลาเตรียมตัวรับบทเป็นหมอก็ต้องไปดูซีรีส์เกี่ยวกับหมอว่าวิธีการผ่าศพเขาทำยังไง เบื้องต้นค่ะ ซึ่งเวลาได้ไปถ่ายทำจริง ๆ ก็จะมีคุณหมอจริง ๆ เข้ามาดูว่าอุปกรณ์นี้ใช้ทำอะไร เรียกว่าอะไร ประมาณนี้ค่ะ

ส่วนกระทิงต้องเล่นเป็นตัวละครที่มีการสลับร่างด้วย เตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ

กระทิง : (หัวเราะ) ของผมเยอะเลยครับ ต้องไปเวิร์คช็อป แล้วก็ทำการบ้านเยอะหน่อย คือระหว่างที่ผมทำการบ้านก็จะทำไปพร้อมกับผู้กำกับครับ เขาจะช่วยเราไปด้วย อย่างเช่นผมทำการบ้านมาว่าที่ผมทำเนี่ย ผมคิดถูกไหม อย่างเรื่องแบคกราวน์สตอรี่ เขาก็จะช่วยผมตรวจตลอดว่า คิดแบบนี้ถูกต้องไหม ดีไหมครับ ก็จะปรึกษากันตลอด เรื่องนี้ผมเวิร์คช็อปนานมากครับ เป็นการเตรียมตัวที่ถือว่านานเลยครับ ประมาณ 3 เดือน

สำหรับบุคลิกตัวตนของ “กระทิง” มีความคล้ายกับ “เตช” หรือ “วัท” มากกว่ากัน หรือไม่เหมือนเลย

กระทิง : (หัวเราะ) ผมคิดว่าตัวผมเองมีความคล้าย ๆ กับ “วัท” นะครับ แต่ก็ไม่ได้เหมือนทั้งหมด ผมจะเหมือนตรงที่บางทีเราจะมีการทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงคนอื่น แต่ผมเป็นเพราะความสนุกเฉย ๆ ไม่ได้ทำไปเพื่อเหตุผลเบื้องหลังอะไรครับ

สำหรับบัว ถ้าต้องเลือกระหว่าง เตท กับ วัท จะเลือกใคร เพราะอะไร

         กระทิง : (ตอบก่อน) วัท

บัว : โอ้โห...ทำไมล่ะ (หัวเราะ) จริง ๆ ก็เลือกยากนะคะ คือคาแรกเตอร์ของ “เตช” เป็นคนดี เก่งทุกอย่างเลย ก็เป็นสเป็คภายนอกของผู้ชายที่ผู้หญิงอยากได้เป็นแฟน คือ คนที่เป็นคนดี คนเก่ง แต่จริง ๆ แต่บางทีความเพอร์เฟคมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุข  ส่วน “วัท” ก็เป็นแบดบอย มีเสน่ห์แพรวพราว อย่างในเรื่อง วัทในร่างเตช ก็เข้ามาเติมเต็มบางอย่าง ทำให้ชีวิตหมอกุลมีความสุขขึ้นได้ สำหรับบัว ทั้ง เตช และ วัท ก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ถ้าต้องเลือกจริงๆ บัวว่ามันอยู่ที่ความรู้สึกมากกว่า ว่าเรารู้สึกดีเวลาที่อยู่กับใครมากกว่ากัน เพราะเรื่องความรัก มันไม่มีผิด ไม่มีถูก เลือกยากกกกก เอาเป็นว่ายังไม่เลือกดีกว่าค่ะ ไม่อยากสปอย (หัวเราะ)

คุ้นเคยกันมาจากเรื่องก่อน “พราวมุก” แต่ไม่ได้คู่กัน มาเรื่องนี้คู่กัน ทำให้เล่นด้วยกันลื่นไหลขึ้นมั้ย

บัว : (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่าสนิทกันมากขึ้น ดีที่เราได้เจอกันก่อนเรื่องที่แล้ว ก็เหมือนกับเราได้มีการปรับจูนกัน ได้รู้จักนิสัยกันว่าเป็นยังไง แต่ด้วยความที่คาแรกเตอร์ของทิงค่อนข้างยาก พอเรื่องนี้ไม่ได้เล่นไหลลื่นนะ แต่เราก็รู้สึกสนุกไปกับแต่ละซีนที่เราเล่นค่ะ จะรู้สึกลุ้น เอาใจช่วยเขาไปด้วยค่ะ

กระทิง : ก็ดีใจที่เป็นบัวครับ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกยากกว่านี้ แต่ผมก็ยังเขิน ๆ อยู่ครับเพราะว่าบางซีนเรายังไม่เคยทำมาก่อนครับ บางทีเราทำก็รู้สึกแย่กับตัวเอง แต่ก็เข้าใจในบทบาทตัวละครที่เราเล่นนะ ผมก็จะขอโทษบัวไว้ก่อน ก็รู้สึกว่าโชคดีครับที่ได้เล่นกับบัวอีก ผมก็รู้สึกว่าผ่อนคลายกับตัวเองมากขึ้นครับ

กระทิงสูงมาก ส่วนบัวก็ตัวเล็ก เหมือนพระนางที่หลุดมาจากหนังสือการ์ตูน แฟนคลับจิ้นมาก ทั้งคู่รู้สึกยังไงบ้าง

บัว : ก็ดีใจนะคะที่คนเชียร์คู่เรา แต่เวลาเล่นด้วยแล้วเรารู้สึกเมื่อยคือมาก (หัวเราะ) เวลาเล่นด้วยก็สงสารทิง เพราะทิงก็ต้องก้มหน้ามา (หัวเราะ) แล้วเราก็ต้องแหงนหน้า พอคัทเสร็จก็เอ๊ะทำไมรู้สึกเมื่อยคอนะ (หัวเราะ) แต่ก็น่ารักดีค่ะ คาแรกเตอร์เหมือนในการ์ตูนที่แบบความสูงต่างกัน

เรื่องก่อน เลิฟซีนหนักและดุมาก เรื่องนี้ บัว-กระทิง มีฉากให้แฟน ๆ ได้จิ้น ได้ฟินมากน้อยแค่ไหน เล่นด้วยกันเขินมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย

         กระทิง : เยอะนะ

บัว : มี ๆ จริง ๆ มีฉากน่ารักของเราเยอะมากเลยค่ะ แล้วก็มีซีนประทับใจหลายซีนนะ รู้สึก “เอ๊ะ น่ารักจังเลย ผู้ชายคนนี้” ที่แบบในชีวิตเราไม่เคยเจอตอนที่เราอยู่กับเตช แต่พอได้มาเจอวัทเขาทำให้เรา เขาเป็นคนดีเพื่อเรา เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเรา สิ่งที่เขาทำให้มันก็เลยเป็นอะไรที่น่ารักค่ะ

อยากให้พูดถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ “อาเล็ก ธีรเดช” และ “น้ำตาล พิจักขณา” มีเรื่องสนุก ๆ ในกองถ่ายบ้างไหม เล่าถึงบรรยากาศในกองให้ฟังหน่อยค่ะ

กระทิง : เยอะนะ เยอะมากเลยครับ ด้วยความที่เรารุ่น ๆ เดียวกัน ก็จะหาอะไรมาแกล้งกัน หลัก ๆ เลยคือเรื่องนอนในกอง คือนอนไม่ได้เลย พอผมจะนอนพี่เล็กจะเข้ามาปลุกผมตลอดครับ พี่ตาลบางทีก็มาปลุก แต่บัวคือไม่ค่อยโดนแกล้งครับ

บัว : บัวไม่ค่อยโดนแกล้งเลย น้อยมาก เล็กเคยมาแกล้งเราครั้งนึง รู้สึกเหมือนแล้วไปต่อไม่ได้ ก็เลยไม่แกล้งอีกเลย (หัวเราะ) ส่วนน้ำตาลไม่เคยร่วมงานกันค่ะ แต่พอเจอเรื่องนี้แล้วเออน้ำตาลเป็นผู้หญิงที่แมนมากเลยนะ เป็นคนแมน ๆ เลยค่ะ

ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ “คุณอ้อม พิยดา” ผู้จัดละครคนเก่งแห่ง “เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์” เป็นอย่างไรบ้างคะ

บัว : กับพี่อ้อมคือดีใจมากเลยค่ะที่ได้ร่วมงานกัน เพราะเป็นแฟนคลับตั้งแต่เด็ก คือดูละครพี่อ้อมมาตั้งแต่เด็กแล้ว พี่อ้อมเป็นนักแสดงที่เล่นเป็นธรรมชาติมาก แต่มาเจอพี่อ้อมในฐานะผู้จัดครั้งแรกคือเกร็งมาก เพราะมีความกลัว (หัวเราะ) แต่พอสนิทด้วยแล้วก็จะสนุกมาก เพราะพี่อ้อมเป็นคนสร้างสีสันให้กอง ถ้าวันไหนพี่อ้อมไม่มากองก็จะรู้สึกว่ากองเงียบ ๆ แต่พอพี่อ้อมมาอ่ะตัวป่วนมาอีกแล้ว (หัวเราะ) แต่เขาจะทำให้บรรยากาศกองดูครึกครื้นขึ้น ทำให้นักแสดงไม่เกร็งค่ะ เขาก็จะคอยมาแกล้ง ซึ่งน่ารักมาก ๆ ค่ะ

พี่อ้อม พิยดาได้ถ่ายทอดวิชา หรือสอนเรื่องการแสดงกับเราบ้างไหม มีอะไรที่เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากพี่อ้อมไหม

          บัว : นี่เลยต้องคนนี้ (หัวเราะ)                             

กระทิง : ผมครับศิษย์เอก (หัวเราะ) ก็เยอะครับ ปัญหาผมเยอะครับแล้วผมไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน แต่ว่าพอมีคนมาช่วยตบให้เข้าที่ก็ดีขึ้น อีกอย่างพี่อ้อมเนี่ย เขาก็เป็นห่วงผมมาก เพราะเขารู้ว่าผมเวิร์คช็อปกับเขาหลายเดือน เขาก็จะถามผมว่าวันนี้มีซีนยากไหมเดี๋ยวเขาเข้าไปช่วยต่อบทกับทิงก่อน ก่อนที่ทิงจะไปเล่นจริงกับพี่บัวอีกทีนึงครับ ก็เยอะนะ เขาก็สอนผมหลายอย่าง สอนวิธีคิด สอนความต้องการของตัวละคร บางทีเราเล่นตามความต้องการของตัวละคร แต่ว่าผมจะไม่เข้าใจว่า เอ๊ะ ถ้าผมต้องการแบบนี้ แต่ว่าผมต้องเล่นอีกแบบนึง คือเป็นยังไง เขาก็จะสอนผมทุกอย่างว่า ผมควรคิดแบบนี้นะ แต่ว่าการแสดงออกน่ะ มันก็เป็นอีกเรื่องนึง เขาก็จะสอนให้เราคิดถึงสิ่งที่เราต้องการ และเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ อะไรแบบนี้ครับ

บัว : แต่อันนี้ชื่นชมนะ เพราะเราไม่เคยเห็นพี่อ้อมในพาร์ทที่เป็นนักแสดง เราเห็นแต่ในมุมที่เป็นผู้จัดตลอด แต่พอเขามาอยู่กับทิง ก็เห็นว่าพี่อ้อมเขาตั้งใจมาก ๆ เลย น่ารักค่ะ

ละครเรื่องนี้เกี่ยวกับการสลับร่าง ถ้าเราสามารถสลับร่างกับใครก็ได้บนโลกใบนี้ เราอยากสลับร่างกับใคร เพราะอะไร

บัว : อยากสลับร่างกับลิซ่า แบล็คพิงค์ค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าถ้าทุกคนรู้จักบัวจะรู้ว่าสกิลการเต้นของบัวคือแย่มาก ก็เลยรู้สึกอยากสลับร่างกับเขา เพื่อที่เราจะได้เต้นเก่งแบบลิซ่าบ้าง (หัวเราะ)

กระทิง : (หัวเราะ) ได้! ของผมอยากสลับร่างกับ Post Malone ครับ ไอดอลผม คือเราชอบดูเวลาเขาไปเล่นคอนเสิร์ตครับ ก็เลยรู้สึกว่าคนแบบนี้เป็นตัวของตัวเอง คือเพลงเขาไม่รู้จะไปทางไหน แยกไม่ได้ว่าจะฮิปฮอปไหม จะร็อคไหม แต่เรารู้สึกว่าคนที่มีแนวเพลงเป็นของตัวเอง ผมว่าเขาเก่งนะ แล้วเขาเป็นคนแต่งเพลงเองด้วย ผมว่าการใช้ชีวิตของเขาดูสนุกดี เราเลยอยากลองใช้ชีวิตแบบนั้นจะเป็นยังไง

ถ้าสมมุติเราไปสลับร่างกับใครบางคนได้จริง เราจะทำอย่างไร จะรีบหาทางกลับร่างเดิม หรือจะพยายามปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในร่างใหม่

บัว : น่าตื่นเต้นดีนะ เราว่าชีวิตเขาน่าสนุก (หัวเราะ) น่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้บัวได้เรียนรู้เยอะเลย อยากรู้ว่าชีวิตไอดอลเป็นยังไง ตอนแรกก็อาจจะไม่ยอม หนีก่อน ไม่อยากให้เขามาเอาร่างคืนด้วย (หัวเราะ) อันนี้แค่คิดเล่นๆ นะคะ เพราะคิดว่ามันอาจจะสนุกแค่ชั่วแรกๆ แหละ แล้วก็คงร้องอยากกลับมาเป็นตัวเอง เพราะเป็นตัวเองน่ะ ดีที่สุด มีความสุขที่สุดแล้ว

กระทิง : ช่วงแรกก็คิดแบบพี่บัวครับ อยากลองใช้ชีวิตแบบเขาดูว่าเขาใช้ชีวิตยังไง แต่เอาเข้าจริงผมก็ยังอยากเป็นตัวเองอยู่ เพราะว่าเราก็แฮปปี้แล้วในแบบที่เราเป็นครับ

ร่วมงานกันมาเป็นเรื่องที่ 2 แล้ว ให้พูดถึงความประทับใจที่มีต่อกันนิดนึง

บัว : ประทับใจที่ทิงเป็นคนน่ารักมาก แบบที่ทิงไปอยู่กองไหน ทุกคนจะรักทิงเพราะทิงเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติในตัวเองสูงมาก แล้วเขาก็เป็นคนจริงใจ ทุกคนก็จะเอ็นดูเขา เหมือนว่าเอออยู่กับทิงก็สนุกดี เขาให้ใจเรามา เราก็เลยให้ใจเขาได้ค่ะ

กระทิง : ทิงอยู่กับพี่บัวก็จะประทับใจตรงที่เขาจะเป็นคนที่ผมรู้สึกว่าผมอยู่ด้วยแล้วไม่เครียดครับ รู้สึกว่าเป็นตัวเองเวลาเราจะทำอะไรก็ตาม เพราะปกติแล้วผมเป็นคนที่อยู่กับผู้ชายเยอะ ผมก็จะไม่มีมุมที่เข้าหา หรือทำความรู้จักเพศตรงข้าม แล้วผมจะเขิน จริง ๆ ผมเป็นคนเขินผู้หญิงมากเลยครับ ตอนนี้ก็ยังเขินพี่บัวอยู่ แต่ผมรู้สึกว่าผมสามารถพักพิงเขาได้

บัว : ขนาดนั้นเลย (หัวเราะ)

กระทิง : จริง ๆ (หัวเราะ) คือผมรู้สึกว่าบางทีผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วผมก็ไปมุดใกล้ ๆ พี่บัว คือผมอาจจะตัวใหญ่ แต่ผมรู้สึกว่าตรงนี้ผมสบายใจ ถ้าอยู่ในกองแล้วผมเครียดอยู่ ผมก็อาจจะไปใกล้ ๆ เขา เหมือนเป็น Comfort Zone ของเรา เพราะเราเล่นคู่กับคนนี้ และอยากอยู่ใกล้เขาเพราะสบายใจ ผมก็เลยอยากได้เล่นละครกับบัวอีกครับ บัวเป็นคนน่ารักมาก เป็นธรรมชาติดีครับ แล้วเวลาบัวยิ้ม ผมก็อินกับบทได้ง่ายขึ้นครับ

พูดถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของแต่ละคนให้ฟังหน่อย เวลาว่างชอบทำอะไรกันบ้าง

บัว : เวลาว่างเหรอคะ บัวเป็นคน Slow Life มาก ทำอะไรเชื่องช้ามาก จนทุกคนเรียกป้า เรียกเต่าแบบนี้ค่ะ เพราะรู้สึกว่าชอบทำอะไรแบบค่อย ๆ ทำค่ะ ปกติเราจะทำงานตลอด ถ้ามีเวลาว่างเราก็จะชอบทิ้งตัว ดูซีรีส์ ไปคาเฟ่ อะไรอย่างนี้ค่ะ เดี๋ยวนี้จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสมาธิสั้น ก็จะพยายามหาอะไรมาฝึกให้ตัวเองมีสมาธิดีขึ้นค่ะ เช่น ระบายสี หรือว่าออกกำลังกายก็ช่วยทำให้มีสมาธิดีขึ้นค่ะ

กระทิง : เวลาว่างหลัก ๆ เลยคือเป็นคนชอบฟังเพลงครับ จะเปิดเพลงคลอทั้งวัน คือเป็นคนที่ทำอะไรจะต้องมีเพลง รู้สึกเพลิน ๆ ดีครับ แต่ถ้าช่วงที่ว่างจริง ๆ สิ่งแรกที่ผมจะทำคือไปเที่ยวในสถานที่ธรรมชาติ แล้วก็เล่นบาสครับ ผมรู้สึกว่าการเล่นบาสคือการพักผ่อนของผม เหมือนผมได้ไปในป่าหรือว่าที่ที่เป็นธรรมชาติมันเหมือนกับว่า ไม่มีอะไรที่ต้องทำ หรือต้องไป เหมือนกับเราได้อยู่กับตัวเองเยอะขึ้นครับ

นอกจากเรื่องงานแสดง มีเรื่องอะไรที่เราสนใจเป็นพิเศษไหมคะ

บัว : สำหรับบัวรู้สึกว่าเรามองอีกช่องทางนึง ก็คือการทำธุรกิจสักอย่างนึง เพราะรู้สึกว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลักที่เราอยากจะทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะมันก็เป็นอาชีพที่บัวรู้สึกว่า บัวได้เจอทางของบัว และบัวชอบในอาชีพนี้ แต่บัวก็ต้องวางแผนอนาคตของตัวเองในระยะไกลด้วย ว่าเราต้องมีแผนสำรองของเรานะ ก็พยายามหาธุรกิจทำอยู่ค่ะ

กระทิง : ทิงเหรอครับ ตอนนี้น่าจะเป็นด้านการแสดงเนี่ยแหละครับ ผมอยากจะเล่นหนัง เล่นเอ็มวี หรืออะไรที่แตกต่างออกไปครับ

สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีน ฝากผลงานพร้อมช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ

บัว : ค่ะก็ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งแฟนคลับชาวไทยแล้วก็ชาวจีนเลยที่สนับสนุนผลงานมาตลอด แล้วทุกครั้งที่บัวมีผลงาน บัวก็จะได้เห็นทุกคนแท็กรูปมา หรือว่ามาคอยให้กำลังใจ บัวก็ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ยังไงก็ขอฝากติดตามละครของบัวทุก ๆ เรื่องเลยเนอะ ตอนนี้ “พราวมุก” กำลังจะจบเนอะ ก็มี “แค้นรักสลับชะตา” ค่ะ แล้วก็มีที่กำลังถ่ายทำอยู่ “อ้อมฟ้าโอบดิน” แต่ว่าน่าจะออนแอร์ปีหน้าเลยค่ะ ช่องทางการติดต่อก็มี IG @buanalinthip ค่ะ แล้วตอนนี้ก็เริ่มมาเต้น TikTok กับเขาบ้างแล้ว (หัวเราะ) ยังไงก็ฝากด้วยค่ะ

กระทิง : ครับก็ขอขอบคุณแฟนคลับทั้งชาวไทยแล้วก็ชาวจีนนะครับที่ให้ความสนับสนุนผมมานะครับ ช่องทางการติดตามของผมเป็นทาง IG @kratingg ครับ ส่วน Twitter ผมเพิ่งมาเรียนรู้การเล่น Twitter ได้ไม่กี่อาทิตย์ครับ (หัวเราะ) แต่เวลาเราได้ดูก็รู้สึกมีกำลังใจครับ เหมือนเป็นสิ่งที่อยากให้ตัวเราพัฒนาต่อไปครับ ผมขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงครับ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ผมต่อไปนะครับ ขอบคุณมากครับ

 

Thanks

Krating Khunnarong Pratesrat & Bua Nalinthip Sakulongumpai

กระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ & บัว นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ

 

IG : @kratingg & @buanalinthip

Makeup: @parplernmakeups

Hair: @torrmonster

Krating’s Clothes: @calvinklein

Bua’s Clothes: @sretsisofficial

ขอบคุณสถานที่ : @show_dc Bangkok Tourist Lounge ศูนย์การค้า Show DC ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายทำ

 

Special thanks : @bee_emily

 

Photographer : Thanravee Khamthuen @iamjames_tk

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon

Column Writer : @myselfworth_

You can share this post!

MANGU E-Magazine Issue 212 (15th July 2021) คอลัมน์ Star : พบกับ "กองทัพ พีค Kongthap Peak" พระเอกหนุ่ม Young Blood มาแรงจากละคร "Dare To Love ให้รักพิพากษา" ทางช่อง 3

MANGU E-Magazine Issue 210 (15th June 2021) คอลัมน์ Star : พบกับ เบ้นซ์ ณัฐพงศ์ ผาทอง & โฟล์ค ฐิติพัฒณ์ จันทร์แก้ว สองหนุ่มจากซีรีส์ EN of Love ที่มาร่วมงานกันอีกครั้งใน MV เพลง 'ใยห่วง (why) care'