ในวงการบันเทิง มีศิลปินดาราที่ได้รับความนิยม และโด่งดังจากรูปร่างหน้าตา จากผลงานเพลง หรือจากบทบาทที่ได้รับ แต่ก็มีอีกหลายคนที่หายวับไปราวกลับดาวตก แต่จะเห็นได้ว่าศิลปินดาราที่สามารถยืนอยู่บนเวที มีสปอตไลท์ฉายแสงมาหลายปี และเป็นที่จดจำของแฟนๆ รุ่นต่อรุ่นนับว่าเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง การแสดง ผลงาน จรรยาบรรณ ความทุ่มเท และความคิดสร้างสรรค์ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าดาราหรือศิลปินคนนั้นจะสามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้นานแค่ไหน ความพยายามและทุ่มเทต่ออาชีพ และที่สำคัญคือไม่หลงชื่อเสียงของตัวเอง สิ่งเหล่านี้สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาล และนี่คือสิ่งที่ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” มีอยู่ในตัว นักแสดงภาพยนตร์ในตำนานของประเทศไทย
เมื่อปลายปี 2564 ภาพยนตร์เรื่อง “ไสหัวไปนายส่วนเกิน” เป็นภาพยนตร์ที่อนันดากลับมาแสดงอีกครั้งบนจอเงิน ในภาพยนตร์อนันดาได้ท้าทายตัวเองในบทคุณหมอรักษาโรคมะเร็ง และเพื่อที่จะได้เข้าถึงบทบาทของคุณหมอ อนันดาต้องทุ่มเทกับการทำการบ้านอย่างหนัก โดยการไปพูดคุยกับคุณหมอจริงๆ เพื่อที่จะเข้าไปถึงบทบาทของคุณหมอได้อย่างสมจริงที่สุด สุดท้ายเขาก็แสดงและถ่ายทอดความเป็นคุณหมอออกมาได้อย่างดีที่สุดเท่าที่นักแสดงคนหนึ่งจะทำได้ นิตยสาร @ManGu ฉบับนี้จะพาทุกคนไปรู้จัก นักแสดงภาพยนตร์ระดับตำนานของประเทศไทย “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม”
ManGu : ก่อนอื่นเลย รู้สึกอย่างไรบ้างกับการได้มาเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ “ไสหัวไป นายส่วนเกิน”
ANANDA: เราแฮปปี้ตรงที่ยังมีคนที่อยากจะทำหนังแบบนี้ หนังแนวโรแมนติก ดราม่า เพราะว่าก็มีหลายๆ ค่ายเขากลัวที่จะทำ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังฟอร์มเล็กๆ กลายเป็นว่าลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ค่อยมีคนกล้าลงทุนกับหนังขนาดนี้ คิดว่าเป็นโปรเจคที่ค่อนข้างพิเศษครับ
ManGu : แนะนำหน่อยว่าในภาพยนตร์ “ไสหัวไป นายส่วนเกิน” รับบทเป็นใคร และคาแรคเตอร์เป็นยังไงบ้าง
ANANDA:ในเรื่องเป็นคุณหมอกวินทร์ เป็นหมอที่รักษามะเร็งทางด้านเลือด หมอกวินเขาเป็นหมอที่มีปม คือในอดีตเขาเสียใครบางคนไป ทุกวันนี้เขาอยู่กับอาชีพอย่างเดียว แต่เรื่องความรักของเขามันกลับไปอยู่ในจุดที่ลึกมาก เขาก็กลัวเหมือนแบบเขาจะผิดหวัง จนเขาได้มารักษาผักกาดหรือนางเอก ทำให้เขาต้องกลับไปทบทวนความรู้สึกตัวเองตรงนี้ที่ความรู้สึกด้านความรักเขายังรู้สึกอยู่ไหม เหมือนนางเอกมาเติมเต็มให้ กลายเป็นว่าไม่รู้หมอรักษาคนไข้ หรือ คนไข้รักษาหมอกันแน่
ManGu : เห็นว่าบท “หมอกวินทร์” ในบางซีนจะไม่มีบทพูด แต่เป็นซีนที่ต้องแสดงออกทางสีหน้าแววตามากกว่า ในส่วนนี้คิดว่าท้าทายมากน้อยแค่ไหนคะ
ANANDA: การแสดงคือการถ่ายทอดความเป็นตัวละครนั้นออกมาอยู่แล้ว เลยไม่ได้มีความตั้งใจว่าฉันจะไม่พูด แค่หน้าที่ของเราคือต้องเป็นตัวละครนั้นทุกครั้งที่อยู่ในฉาก เราต้องสมมติว่าตัวละครนี้เนี่ยมีชีวิตจริงๆ เราสนใจเขา ใส่ใจเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่แบบพอไม่มีกล้อง เราก็ไม่สนใจ มันไม่ได้นะ เราต้องเก็บความเป็นตัวละครนี้ไว้ในทุกๆ โมเม้น คือผมถูกสอนมาว่าถ้าเราเชื่อว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้น ทำอะไรก็จะถูกหมด
ManGu : เรื่องนี้ได้ร่วมแสดงกับ “มิน พีชญา” ครั้งแรกด้วย ตอนเข้าฉากด้วยกัยังไงบ้างคะ
ANANDA: คือเนื่องจากเป็นหนังโรแมนติก หนังดราม่าอะไรพวกนี้ ต้องอาศัยพาร์ทเนอร์ แล้วเขาคือพาร์ทเนอร์หลักด้วยในเรื่อง ผมเลยกังวลคิดไปเองว่าแบบเขามาจากสายละคร เรามาจากสายภาพยนตร์ แบบจะปรับเข้ากันได้ไหม เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเครียด เกี่ยวกับโรคร้าย แต่เขาแสดงให้เห็นว่าในทุกวินาทีของการใช้ชีวิตนั้นมีค่า ปรากฎว่าพอได้เข้าฉากด้วยกันเขาทำให้ผมเลิกกังวลไปได้เลย เข้าฉากด้วยกันวันแรกผมเลยหายห่วงครับ
ManGu : เห็นว่ามีช่วงหนึ่งของนางเอกในภาพยนตร์ที่เธอบันทึกวิดีโอของตัวเองเพื่ออำลาโลกนี้ ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร
ANANDA:ผมจะวางตัวคล้ายๆ นางเอก เพราะผมรู้สึกว่าทุกโมเม้นนั้นมีค่า
ManGu : ถ้าชีวิตคุณเข้าสู่การนับถอยหลัง คุณจะทำอะไรเป็นสิ่งแรก
ANANDA: เราคงจะไม่เอาอะไรติดไว้อยู่ในใจ ใครที่เราเคยทำไม่ดีกับเขาเราคงจะไปขอโทษเขา หรือสิ่งที่เรารู้สึกไม่ดีกับคนอื่นก็ไปเคลียร์กับเขา เมื่อเราเคลียร์ความรู้สึกที่มันค้างคาใจทั้งหมด ค่อยมาดูอีกที่หนึ่งว่าอยากทำอะไรต่อ ก็คงไปไล่เก็บทีละอย่าง แบบว่าอยากกินอันนี้ ไปเที่ยวที่นี่ ประมาณนี้ครับ
ManGu : มีฉากเด็ดหรือฉากประทับใจที่อยากให้ผู้ชมติดตามรอดูไหมคะ หรือมีประโยคไหนในเรื่องที่เราประทับใจบ้างไหม
ANANDA:เชื่อไหมว่าผมจะเป็นนักแสดงที่จะแบบไม่ค่อยเก็บ แบบตัวละครตัวนั้นผมรู้ทุกประโยค แต่พอปิดกล้องผมคืนไปหมดเลย แต่ตัวละครตัวนี้มันแปลก ผมอยากให้คนดูไปดูมากกว่า ว่าแบบเวลาที่เรามีอย่างจำกัด อยากให้รู้ว่าอะไรมีคุณค่าในขีวิต
ManGu : ภาพยนตร์เรื่องนี้บรรยายถึงครอบครัว ความรัก มิตรภาพ และชีวิต คำว่า "ชีวิต" สำหรับคุณหมายความว่าอย่างไร
ANANDA: ถามผมในช่วงวัยที่แบบปล่อยมันไป เพราะเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าก็ความรักแหละ ความรักคือสิ่งที่ครอบคลุมมาก ถ้าเราหาคำนี้เจอเราจะรู้ว่าคุณค่าชีวิตมันคืออะไร
ManGu : ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในจีน คุณรู้สึกกดดันไหมตอนที่ตัดสินใจแสดงเรื่องนี้
ANANDA: ผมว่าความกดดันมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองแหละครับ แต่ผมจะเป็นคนที่แบบเอาความกดดันนั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นไหม เช่น ไปหาข้อมูลเพิ่มให้กับตัวละครเรา ใช้เอเนอร์จี้ในทางบวก คิดอะไรไม่ออกก็ไปคุยกับคนที่รู้ อย่างผมก็ไปคุยกับคุณหมอ พอคุยแล้วก็ทำให้เราเข้าใจตัวละครมากขึ้น เพียงแค่นั้นเราก็จะไม่กดดันแล้วครับ
ManGu : อยากขอ 1 ประโยค สำหรับเหตุผลที่ทุกคนไม่ควรพลาด “ไสหัวไป นายส่วนเกิน Go Away Mr.Tumor”
ANANDA: สิ่งดีๆ ที่คุณจะได้จากหนังเรื่องนี้ จะทำให้คุณได้ไปถ่ายทอดให้กับคนที่คุณรู้สึกมีค่า ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ อาจจะดูหนังจบแล้วเอาความรู้สึกดีๆ ตรงนั้นไปกอดเขาก็ได้ หรือจะบอกเขาว่าเขามีค่าต่อชีวิตเราอย่างไรบ้าง
ManGu : ขอถามเรื่องทั่วไปบ้างนะคะ เห็นว่าเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้วก็เลยหันมาทำธุรกิจขายน้ำปลาร้า น้ำจิ้มแจ่ว และยังมีธุรกิจโรงแรมด้วย เป็นยังไงบ้างคะ อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
ANANDA: โควิดมันทำให้เราเห็นว่าแบบอะไรที่มั่นคงมากมันบอบบางกว่าที่คิด มันก็เลยมีการคุยกับหุ้นส่วน เราต้องพัฒนาด้านการลงทุนของเรา ทางหุ้นส่วนก็เสนอมาว่าเขาอยากเปิดร้านส้มตำ เราก็เลยคิดทำไมไม่ทำแบบด้านเครื่องปรุง ก็เลยคิดถึงน้ำปลาร้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็เลยเป็นน้ำปลาร้าคีโต ละพอทำไปทำมา เห้ย! มันอร่อยนะ ก็เลยไปผสมกับพวกน้ำจิ้มแจ่ว เอ้า! มันเวิร์คอีก 55555 ก็เลยไปทำน้ำจิ้มแจ่วด้วย ถ้าไม่มีโควิดก็คงไม่ได้กินหรอกครับ 5555555 ส่วนธุรกิจโรงแรมก็เหนื่อยอ่ะครับ พูดตรงๆ เลย เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลักของผม เจอโควิดเข้าไปก็เอาเรื่องอยู่ แบบว่าทั้งโรงแรมมีผมพักคนเดียว เริ่มหาวิธีจัดโปรโมชั่นอะไรแบบนี้ครับ แล้วก็มีลดต้นทุนด้วยว่าแบบปิดโรงแรมครึ่งนึงให้พนักงานอยู่เอง เพื่อให้เขาไม่ต้องไปแบกภาระของค่าเช่าด้วยอะไรแบบนี้ ก็มีวิธีสร้างสรรค์ต่างๆ ที่ออกแบบมา เพื่อให้เราและพนักงานต้องอยู่ให้รอดครับ
ManGu : มาพูดถึงไลฟ์สไตล์กิจกรรมยามว่างกันบ้าง มีกิจกรรมอะไรที่ชอบทำเป็นพิเศษไหมคะ
ANANDA: ปีนี้ผมได้เดินทางไปหลายที่ของประเทศไทย ได้ขับรถไปทั่วประเทศไทย ขึ้นเหนือลงอีสาน ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน และก็คิดว่าไม่น่าจะได้เห็นอีกต่อไป ไปภูชี้ฟ้า 2 คนกับแฟนโดยที่ไม่มีคน แบบดูเป็นไปไม่ได้นะ แต่เป็นไปแล้ว เพราะปกติคนจะเยอะมากๆ เราสองคนก็นั่งอยู่นานมาก ภาวนาขอให้มีใครขึ้นมาสักคน จะได้รบกวนให้มาถ่ายรู้ให้หน่อย ก็มีขึ้นมาคนนึง กลายเป็นภูชี้ฟ้ามีอยู่ 3 คน แล้วก็ไปเกาะไผ่ที่กระบี่ อยู่คนเดียวที่เกาะไผ่ เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางตลอดทั้งปีครับ
ManGu : เนื่องจากเราเป็นนิตยสารจีน อยากให้แนะนำอาหารไทยที่ตัวเองชอบให้ชาวจีนได้รู้จักหน่อยค่ะ
ANANDA: ส้มตำปูปลาร้าครับ 55555555 ส่วนอาหารไทยที่คนจีนไม่ค่อยจะรู้จัก ผมเลือกเป็นแกงไตปลาละกัน อาจจะไม่มีให้กินที่จีน ต้องแบบแกงไตปลากับขนมจีนแล้วก็ไก่ทอด แค่คิดก็ฟินแล้วครับ
ManGu : ขอ 3 คำ ที่บ่งบอกความเป็นตัวเรามากที่สุด
ANANDA: อิสระ Travel Passion ครับ
ManGu : เร็วๆ นี้จะมีผลงานอะไรให้แฟนติดตามกันอีกบ้าง
ANANDA: มีหนังเรื่อง The snake Queen แล้วก็มี ขุนพันธ์ ภาค3 ที่กำลังจะเปิดกล้อง และมีซีรีส์ XYZ เป็นสไตล์รัก 3 วัยครับ
ManGu : สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวจีนที่สนับสนุนเรา รวมถึงฝากช่องทางการติดตามของเราหน่อยค่ะ
ANANDA: ขอบคุณที่ติดตามผลงาน อยากให้กำลังใจทุกคนกับ 2 ปีที่ผ่านมา เราจะผ่านไปด้วยกัน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ติดตามผลงานที่ IG : ananda_everingham นะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
Thank you
Ananda Everingham / อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม
IG : @ananda_everingham
Facebook : Ananda Everingham
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ : @shangrilabkk (Shangri-La Bangkok)
Photographer : Nawapon Saenuwong @iponz32
Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator
Coordinator / Interviews : Kawinna Penkul @kawintoon
Column Writer : Ausanee Minsulaiman @ausanee.nee