KinnPorsche The Series ซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของประเทศไทย ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่ยังไม่ได้ออกอากาศ ด้วยพล็อตเรื่อง บทบาท และองค์ประกอบศิลป์เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ความยากของการทำซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่การถ่ายทอดประเด็นของซีรีส์ แต่ยังเป็นการค้นหานักแสดงที่สามารถเข้าถึงบทบาทของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยได้ผู้กำกับที่คร่ำหวอดในแวดวงซีรีส์และภาพยนตร์ไทยถึงสามท่านในการกำกับและดูแลการผลิตในครั้งนี้คือ คุณก้องเกียรติ โขมศิริ, คุณกฤษดา วิทยาขจรเดช และคุณบัญชร วรเศรษฐ์อารี ซึ่งเป็นการเติมเต็มในแต่ละส่วนของซีรีส์ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยมีสองนักแสดงมากความสามารถมารับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ ได้แก่ มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง รับบท คินน์ และ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบท พอร์ช ซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงความขัดแย้งของตระกูลหลักและตระกูลรอง โดยที่คินน์ลูกชายคนกลางในตระกูลหลัก ถูกศัตรูตามไล่ลา และเขาบังเอิญได้รับความช่วยเหลือจากพอร์ช บาร์เทนเดอร์หนุ่ม ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของพอร์ช เขาจึงได้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคินน์ และเรื่องราวต่างๆก็ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ นิตยสาร @ManGu ฉบับนี้ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักนักแสดงซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของประเทศไทย มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์
ManGu : แนะนำตัวพร้อมประวัติคร่าว ๆ และผลงานที่ผ่านมา
MILE : สวัสดีครับ ผมมาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นการถ่ายเอ็มวี เป็นดีเจ และผลงานล่าสุดคือเรื่อง KinnPorsche The Series
APO : สวัสดีครับ ผมอาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ผลงานที่ผ่านมาคร่าวๆจะมีเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” , “ชาติพยัคฆ์” , “ชาติเสือพันธุ์มังกร” และเรื่องล่าสุดคือเรื่อง "KinnPorsche The Series" ครับ
ManGu : เล่าวัยเด็กของเด็กชายภาคภูมิและเด็กชายณัฐวิญญ์
MILE : ตอนเด็กผมชอบคณิตศาสตร์ ชอบตัวเลขมาก เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งตามภาคต่างๆ จนพออายุ 12 พอเข้ามัธยมก็รู้จักดนตรี เราก็เปลี่ยนไปอีกทางหนึ่งเลย มีความสนใจเรื่องดนตรีและศิลปะมากขึ้น แต่ลึกแล้วก็มีความสนใจเรื่องตัวเลขอยู่ ตอนนี้ก็จะมีทั้งเรื่องตัวเลข ดนตรี และการแสดงก็ยังวงวนอยู่
APO : ตอนเด็กผมเป็นเด็กซนมากๆ และติดเกมมากๆ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการแสดงเลย สนใจแต่ด้านกีฬาครับ
ManGu : จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการบันเทิง
MILE : มันนำพาด้วยเสียงเพลงและกีตาร์ ตอนที่ผมเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีรุ่นพี่ชวนเราไปเป็นดีเจอยู่คลื่นๆหนึ่ง เราอยากทำเพราะว่าเราชอบเพลง พอเข้าไปก็มีโอกาสให้คนเห็นมากขึ้น แล้วก็ลากเราไปตามกาลเวลา ไปอยู่สังกัดเพลง ไปเล่มเอ็มวี โฆษณา แต่ถ้าเป็นผลงานการแสดงก็พูดได้ว่าเรื่องนี้เป็นการแสดงเรื่องแรกของเราอย่างเต็มตัว
APO : ตอนที่เรียนอยู่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วมีรุ่นพี่ให้รู้จักกับพี่เบิ้ม ผู้จัดการของผมในปัจจุบัน พี่เขาก็บอกผมว่าให้ไปเล่นฟิตเนสแล้วจะพาไปเดินแบบ แล้วพอเราไปเดินแบบ เรารู้สึกว่ามันเหมือนเราไปเล่นเกมเลย ไปตะลุยด่านต่อไปเรื่อยๆ จนได้มีโอกาสได้เล่นละครเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” ครับ และก็เรื่อยๆมาจนถึงปัจจุบันครับ
ManGu : ช่วยเล่าการเข้ามามีส่วนร่วมในซีรีส์ "KinnPorsche The Series"
MILE : อย่างที่ผมบอกครับว่าดนตรีนำทางชีวิตของผมมาเรื่อยๆ จนโปรดิวเซอร์ที่ผมเคยไปออกรายการมาเป็นนักเขียนเรื่อง KinnPorsche The Series เขาเห็นคาแรคเตอร์ เห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา เขาก็นึกถึงเรา เขาเลยติดต่อมาว่าให้ลองมาแคสบทคินน์ให้หน่อยได้ไหม แล้วลองดูว่าชอบไหมที่จะเล่นในช่วงอายุนี้ ซึ่งผมก็ชอบการแสดงอยู่แล้ว และอีกอย่างคือเรื่องการให้โอกาส ผมเชื่อว่าการได้รับโอกาสเป็นสิ่งที่ดี แต่มากกว่าที่คนอื่นให้โอกาสคือการเปิดโอกาสให้ตัวเอง เราต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำทุกอย่างให้ออกมาดีเสมอ
APO : ของผมเป็นความบังเอิญมากๆ ตอนนั้นพึ่งกลับจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศ มีพี่ที่รู้จักแนะนำว่าตอนนี้มีซีรีส์เรื่องหนึ่งที่กำลังเปิดออดิชั่น ให้เราไปแคสดู พอเราอ่านบทเรารู้สึกว่าบทเรื่องนี้มีความเป็นคนสูงมาก มีตื้นลึกหนาบาง แล้วพอเขาเล่าโครงเรื่องให้ฟังว่าเป็นซีรีส์วายแนวมาเฟีย เราสนใจตรงมาเฟียมากๆ เพราะมันแตกต่างกับเรื่องอื่นๆ พอเราแคสไปหลายๆครั้งก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากๆ และทีมงานทุกคนก็เต็มที่ที่จะสร้างสรรค์เรื่องนี้ออกมา ดีใจมากๆครับที่ได้มีโอกาสแสดงเรื่อง KinnPorsche The Series
ManGu : เพียงแค่ปล่อย Trailer แฮชแท็ก KinnPorsche The Series ก็ทะลุติดเทรนด์อันดับ 1 ของไทย และอันดับ 4 ของโลก รู้สึกว่าตรงจุดนี้เป็นแรงกดดันในการทำงานไหม
MILE : ไม่กดดันครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่แฟนๆให้การต้อนรับอย่างดี สิ่งนี้เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้พวกเรามีกำลังทำผลงานออกมาอย่างดีที่สุดครับ
APO : ไม่กดดันครับ รู้สึกดีใจมากๆ มันกลับเป็นแรงฮึดให้เราสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดีมากยิ่งขึ้น วันที่ปล่อยตอนนั้นเป็นวันสุดท้ายในการถ่ายทำ วันนั้นทุกคนท้วมท้นด้วยความสุขมากๆครับ
ManGu : ช่วยเล่าคาแรคเตอร์ที่แต่ละคนได้รับ
MILE : ผมรับบทเป็นคินน์ เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ โดยครอบครัวจะแบ่งเป็นตระกูลใหญ่ และตระกูลรอง สิ่งที่เขาได้มาและสิ่งที่เขาต้องการ มันค่อนข้างต่างกัน เขาเป็นคนรักอิสระ แต่วันหนึ่งต้องมาแบกรับภาระหน้าที่มากมาย แล้วเป็นโลกสีเทา จึงทำให้เกิดเสน่ห์ในตัวของเขา ภายนอกมีวิธีการแบบหนึ่งในการแสดงออก ส่วนตัวตนเขาก็จะแสดงออกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งแฟนๆจะได้เห็นเขาในซีรีส์
APO : ผมรับบทเป็นพอร์ช เป็นคนที่ไม่แคร์โลก ปากไม่ตรงกับใจ อยากทำอะไรก็ทำเลย ส่วนอีกมุมหนึ่งคือเขาเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก เป็นคนรักความยุติธรรม ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม การที่เขามองโลกในแง่บวกคือเป็นเสน่ห์ของเขา ผมว่าตรงนี้น่าจะเป็นข้อคิดให้คนดูได้ด้วย ว่าสุดท้ายปัญหาเกิดแล้วก็ยิ้มสู้กับมัน
ManGu : อยากให้เล่าประสบการณ์การถ่ายทำซีรีส์
MILE : ตอนที่เล่นฉากแอคชั่นในครั้งแรกๆ บังเอิญว่าไหล่เคลื่อน ก็เลยให้ทีมช่วยดันให้กลับ ทำให้ลุกไม่ได้ 3 วัน อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นซีนที่ต้องการ Long Shot บางที Position ของไหล่อาจจะเคลื่อน ทำให้การแอคชั่นในครั้งต่อไปผมต้องระวังมากขึ้นครับ
ManGu : มีฉากไหนที่เราประทับใจมากที่สุดในเรื่อง หรือฉากไหนที่ไม่อยากให้พลาดมากที่สุด
MILE & APO : มีหลายซีนเลยครับ แต่ซีนที่ชอบมากที่สุดคือซีนที่อยู่บ่อน ผมเห็น Vibe ของการคอมมาดี้ผสมดราม่า มีความกลมกล่อมของซีน ซีนนั้นเราถ่ายเป็นวันเลยครับ อยากให้แฟนๆได้ติดตามซีนนี้มากๆครับ
ManGu : ช่วยที่ถ่ายซีรีส์เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดพอดี เราได้รับผลกะทบอย่างไรบ้าง
MILE & APO : ตอนที่ถ่ายเรื่องคินน์พอร์ช เป็นช่วงที่เกิดโควิดพอดี การดีลโลเคชั่นตอนแรกก็ค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นช่วงล็อคดาวน์ แต่ความยากคือดีลที่ดีลไว้ช่วงล็อคดาวน์ เขามีการเปิดประเทศ ดังนั้นดีลนั้นก็เลื่อนไม่ได้ เราต้องถ่ายให้เสร็จตามแผนที่เราทำไว้ เราเลยต้องดูแลตัวเองอย่างดีมากๆครับ
ManGu : ช่วยเล่าความประทับใจการร่วมงานกับผู้ที่คร่ำหวอดในวงการละครและภาพยนตร์ไทยอย่างคุณก้องเกียรติ โขมศิริ , คุณกฤษดา วิทยาขจรเดช และคุณบัญชร วรเศรษฐ์อารี เป็นอย่างไรบ้าง
MILE & APO : เรื่องนี้มีผู้กำกับ 3 คน แต่ละคนก็มีทักษะและความถนัดที่ต่างกัน อย่างเช่นพี่ก้องเกียรติ โขมศิริ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ พอเห็นพี่เขาแก้ไขสถานการณ์หน้างาน เขาเป็นคนที่แก้ไขปัญหาอย่างคม ส่วนพี่เป๊ปซี่ บัญชร เขาเป็นคนให้แนะนำกับเราเยอะมากๆ เขามีประสบการณ์ในกองสูงมาก เหมือนเป็นการเติมเต็มกัน บางอย่างพี่โขมอาจจะจัดการได้แบบนี้ พี่เป็ปซี่คิดว่าจัดการแบบนี้น่าจะง่ายกว่า แล้วก็มีพี่ปอนด์ พี่เขาเป็นทุกสิ่ง เป็นผู้กำกับ ผู้จัด ผู้เขียนบท พี่ปอนด์ร่วมปรับบทกับนักเขียน ครูหนิง และทีม All Write Team เพื่อทำให้ซีรีส์กลมกล่อม และเหมาะสมกับการทำเป็นซีรีส์มากขึ้น ทำให้เป็นมนุษย์มากขึ้น ทั้งพี่ๆ 3 คนจะมาเติมเติมซีรีส์มีครบทุกรสชาติมากขึ้นครับ
ManGu : มีคนกล่าวว่าการการแสดงซีรีส์ต้องแลกอะไรหลายๆอย่าง เช่น เวลา ความเป็นส่วนตัว พลังงาน อยากถามว่าการเล่นซีรีส์เรื่องนี้ให้อะไรเรากลับมาบ้าง
APO : ถ้าเป็นเชิงรูปธรรม คือผลงานที่เสร็จแล้ว ถ้าเป็นนามธรรม คือการมีความสุขทุกครั้งที่ไปกอง มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าเป็นตัวละคร มีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอคินน์ ทุกอย่างเป็นความสุขที่โปได้และเติมเต็มใจโปมากๆครับ
MILE : เหมือนอย่างที่อาโปบอกเลยครับ เรื่องเอเนอจี้ก็สำคัญ ผมรักการเป็นคินน์ แต่บางทีผมก็เอาเขาออกไม่ได้ ผมชอบพาเขากลับบ้าน หรือบางทีผมก็ไม่อยากเอาเขาออก เพราะบางทีถ่ายเสร็จ 4 ทุ่ม ตื่นเช้ามาก็ต้องเอาเขาเข้า การที่เข้าไปเป็นเขาบางทีก็เหนื่อย แต่จริงสนุกมาก เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ แต่เขาเป็นคนที่คิดเยอะไปหน่อย สุดท้ายพอเราเลือกตัดสินใจทำอะไรในชีวิต ด้วยความเป็นมนุษย์ ก็ย้อนกลับมาที่จิตใจและความรู้สึก การที่ได้ทำเรื่องนี้ถือว่าเป็นรางวัลในชีวิตของผม
ManGu : ขอคนละ 3 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดจากซีรีส์ “KinnPorsche The Series”
MILE : เหตุผลแรกคือ ดูแล้วมีความสุข เป็นเหมือนกราฟหัวใจ เดี๋ยวมันขึ้นหรือลงทั้งเรื่องถ้าดูแล้วจะเป็นความรู้สึกมีความสุขครับ
เหตุผลที่สองคือ ความเข้าใจระหว่างความรักความสัมพันธ์ คือปัญหาที่เกิดเกิดมาจากความสัมพันธ์ที่มันผิดเพี้ยนไปของสังคม
เหตุผลที่สาม อยากให้ทุกคนมีความสุข ผมเชื่อว่าเมื่อแฟนๆได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะมีความสุขตลอดการรับชมแน่นอนครับ
APO : เหตุผลแรกคือ ภาพ โปรดักชั่น นักแสดง ทุกคนเต็มที่และเป็นหนึ่งเดียวกัน
เหตุผลที่สองคือ ทุกคนจะได้รับความสุข ความสนุก ตรีมซีรีส์หลักของเราคือคอมมาดี้ ดังนั้นถ้าเกิดว่าบางคนอาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีหรือติดอะไรอยู่ อยากให้ทุกคนมาปล่อยตัวปล่อยใจกับการรับชมคินน์พอร์ช แล้วทุกคนจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรายังมีอะไรที่น่าสนใจอยู่นะ ด้วยความที่ตัวละครเราเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งจะมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม
เหตุผลสุดท้ายคือ จะได้เห็นถึงความเท่าเทียมของทุกคนที่อยู่บนโลก เห็นความสวยงามของโลกใบนี้ เห็นความสวยงามของความแตกต่างครับ
ManGu : ถ้ามีโอกาสอยากร่วมงานกับใครมากที่สุด
APO : ผมอยากร่วมงานกับ แดเนียล เดย์-ลูวิส (Daniel Day-Lewis) ที่แสดงเรื่อง There Will Be Blood นักแสดงคนนี้ได้รางวัลออสการ์เยอะมาก เราอยากเรียนรู้วิธีการที่เขาเข้าไปเป็นตัวละครและการแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนครับ
MILE : คนแรกคือ วากเนอร์ มูร่า (Wagner Moura) แสดงเรื่อง นาร์โคส เม็กซิโก (Narcos: Mexico) ผมชอบวิธีการสร้างตัวละครและการอิมโพรไวส์ของเขา ส่วนคนที่สองคือ ทอม แฮงค์ส (Tom Hanks) เพราะทุกเรื่องที่เขาเล่น เขาแสดงออกมาอย่างธรรมชาติมากครับ
ManGu : เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของแต่ละคนคืออะไร
APO : ทำทุกโอกาสที่เข้ามาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในสายงานไหนที่จะได้ทำ เราจะทำอย่างเต็มที่ พอถึงจุดหนึ่งเราจะวางทุกอย่างไว้แล้วจะอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นอดีตที่สวยงาม อยู่ในที่เงียบๆ ในป่าเขาลำเนาไพร
MILE : เป้าหมายของผมคืออิสระ อิสระในความคิด อิสระในการใช้ชีวิต อิสระในการตัดสินใจ มันยากในการที่จะตัดสินใจอะไรก็ได้ในความชอบของเราคนเดียว เพราะแค่ความคิดเองเราก็ถูกกดดันในสังคม ที่อาจจะเข้าใจเราในอีกแบบหนึ่ง ยิ่งคนเราไม่มีแผนกฎเกณฑ์ใดๆ เราก็จะยิ่งมีความสุขหลายๆอย่างครับ
ManGu : ความสุขของแต่ละคนในตอนนี้คืออะไร
APO : ความสุขของผมตอนนี้คืองาน เพราะงานที่ผมทำอยู่ไม่เหมือนเดิมในทุกๆวัน เช่นทุกครั้งที่ไปกอง ต่อจะได้เจอคนเก่าๆ แต่สถานที่เปลี่ยนไปเรื่อย มันเลยมันแบบไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดิมแต่สถานที่เปลี่ยนไปก็ต่างไปเรื่อย คล้ายกับการเล่นเกมส์ตอนเด็กๆ เราก็จะเปลี่ยนด่านไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าสิ่งนี้คือความสุขและความสนุกของผมครับ
MILE : คือการใช้ชีวิตและสร้างความสุขให้คนอื่นครับ ผมเลยคิดว่ามันคือใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร พอเรามีเราก็แบ่งให้คนอื่นครับ
ManGu : สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่ติดตามและซัพพอร์ตเรามาตลอด พร้อมฝากช่องทางการติดตามของทั้งคู่
MILE & APO : ขอบคุณทุกคนที่เดินอยู่ข้างๆเรามาตลอด และอยากให้เดินไปด้วยกันเรื่อยๆนะครับ และรับรองว่าในทุกๆฉาก ทุกตอนในซีรีส์แฟนๆจะเซอร์ไพรซ์แน่ๆครับ ตอนดูเรื่องนี้แฟนๆเหมือนั่งรถไฟเหาะไปกับเราเลยครับ ซีรีส์จะออกอากาศทุกคืนวันเสาร์ เวลา 23.00 น. ทางช่อง One31 และ สามารถชม KinnPorsche The Series La Forte (Uncut version) ทุกวันเสาร์ เวลา 24.00 น. บนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และอีกช่องทางคือที่ UNEXT สามารถติดตามมายได้ที่ IG & Tiktok & Twitter : @milephakphum และติดตาม IG & Tiktok :@nnattawin , Twitter : nnattawin1 SUMMER นี้อยากให้แฟนๆอิ่มเอมไปกับเรื่อง “KinnPorsche The Series” ฝากติดตามด้วยนะครับ
Thank you.
Phakphum Romsaithong (Mile) / ภาคภูมิ ร่มไทรทอง (มาย)
IG : @milephakphum
Tiktok : milephakphum
Twitter : milephakphum
Nattawin Wattanagitiphat (Apo) /ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ (อาโป)
IG : @nnattawin
Tiktok : nnattawin
Twitter : nnattawin1
Clothes
Coach @Coach
Vanillinstudio @Vanillinstudio
Leisureprojects @Leisureprojects
Stylist : Supakasem Chanopas @milesupakasem
Assistant Stylist : Nitcharat Ajchariyapotha , Jcquelyn Charoenkiatkong
Special thanks : Supaluck mahasypanphong
Be On Cloud
IG : @beoncloud.official
Facebook : Kinn Porsche The Series
Twitter: Be on cloud
感谢拍摄场地: @mestylemuseum
MeStyle Museum Hotel (www.mestylemuseum.com)
Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blxck
Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator
Coordinator / Interviews : Patthanapong Polpiboon @plyyp
Column Writer : OU YANTING @Olina_oyt / Patthanapong Polpiboon @plyyp