Interview

หลายคนมักพูดว่าชีวิตก็เหมือนละคร และการเล่นละครก็เหมือนชีวิตจริง ละครสามารถเล่นซ้ำได้ แต่ชีวิตจริงนั้นยากที่จะทำอย่างนั้น มือซ้ายถือความทรงจำ มือขวาถือช่วงเวลาที่ยังไม่ผ่านไป ถนนแห่งชีวิตเต็มไปด้วยหนาม และจะมีหลายๆ ช่วงเวลาที่ทำให้เราสงสัยและเจอปัญหาต่างๆ แม้ชีวิตจะเป็นการเดินทางที่ยาก แต่อย่าท้อถอย ให้เชื่อเสมอว่ามีหนทางที่ดีกว่า และมีแสงสว่างส่องย่างก้าวเข้ามาในชีวิตเราเสมอ รอคอยให้ชีวิตสดใสดั่งดอกไม้บาน

ยิ่งคุณทำงานหนักมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งโชคดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยบังเอิญ ถ้าชีวิตคือเกมส์ ผู้หญิงอย่าง แพรวา ก็คงเป็นเหมือนทางตัน แพรวาเกิดในครอบครัวที่ขอนแก่น ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2557 เขาได้ร่วมแสดงในซีรีส์สุดฮิต "ฮอร์โมน 2" และเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเป็นทางการ  หลังจากเขาร้องเพลงประกอบละครชื่อเดียวกันในละครไทยเรื่อง "รักสุดใจนายฉุกเฉิน" ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น แพรวายังแสดงละครไทยหลายเรื่อง เช่น "ก่อนอรุณจะรุ่ง"  "Friend zone" 

แพรวาได้ก้าวเข้ามาสู่บทบาทใหม่ของชีวิตอีกครั้งในการเข้ามาเป็นศิลปิน (นักร้อง) ภายใต้สังกัด High Cloud Entertainment โดยได้เปิดตัวเพลงแรกในเพลง "จีบป่ะ" ซึ่งได้รับความนิยมและติดเทรนด์อย่างมาก ซึ่งในครั้งนี้เขาได้ปล่อยเพลงใหม่ที่โดนใจทุกคนอย่างเพลง "แพ้ว่ะ" เพลงที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเธอ ซึ่งเธอได้ถ่ายทอดอย่างลึกซึ้ง นิตยสาร "@ManGu" ฉบับนี้ได้ขอพาทุกคนมาสัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางการแสดงและดนตรีของเธอ กับศิลปินและนักแสดงมากความสามารถของประเทศไทย "แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์"

ManGu: แนะนำตัวและผลงานที่ผ่านมา

แพรวา : ตั้งแต่เข้าวงการมาก็มีผลงานเยอะแยะมากมาย อย่างที่ดังๆที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมนซีซัน2 แล้วก็มี lovey dovey แล้วก็มา friend zone2 อื่นๆ

ManGu: ในวัยเด็กของ “เด็กหญิงแพรวา” เรามีความฝันว่าอยากทำงานอะไรและเติบโตขึ้นมาอย่างไร

แพรวา ：ถ้าจริงๆตอนเป็นเด็กจะมีวิชาแนะแนวมันก็จะค่อนข้างยากหน่อยว่าเราจะหาอะไร ทุกครั้งที่เรียนแนะแนวแล้วมีแบบทดสอบหนูจะเปลี่ยนอาชีพตลอดทุกครั้งเลย อาชีพที่เราอยากทำมันจะขึ้นอยู่กับความชอบในตอนนั้น ตั้งแต่ตอนเด็ก ตอนแรกอยากเป็นนักร้อง แล้วก็เหมือนเราได้มีวงดนตรีในช่วงมัธยมเป็นวงของตัวเอง ประมาณม.5 เราเริ่มอยากเป็นไกด์ เพราะเรารู้สึกว่าเราจะได้ไปเที่ยวด้วย มันดูเป็นอาชีพที่เหมาะกับเราดี แต่มีวันนึงที่เราไปพัทยาแล้วเจอไกด์ ต้องกินข้าวหลังลูกทัวร์ แล้วต้องกินให้เสร็จก่อนลูกทัวร์ เราเลยรู้สึกว่าเป็นไกด์ไม่ได้แล้ว เพราะเราชอบกินมาก เราอยู่ไม่ได้ก็เลยเป็นแอร์โฮสเตส เพราะว่าเราได้เที่ยวและเราได้ทำงาน แต่ความสูงไม่ถึง ถ้าเกิดเราจะสมัครก็จะโดนจำกัด ก็เลยปัดตก เราก็เลยคิดว่างั้นเราก็ทำธุรกิจ ค่อยเก็บเงินไปเที่ยวละกัน แล้วสุดท้ายก็เหมือนบังเอิญได้เข้ามาประกวดฮอร์โมน แล้วก็ได้เข้ามาทำงานในวงการค่ะ

ManGu: คุณแจ้งเกิดจากบท “ขนมปัง” ในซีรีส์เรื่อง "ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่น" สิ่งที่ได้รับจากการแสดงบทนี้คืออะไร

แพรวา ：อย่างแรกคือเราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของตัวละคร ผ่านตัวละครขนมปัง อย่างเช่น ในตัวละครจะชอบเล่นกีตาร์ แล้วเสียสละตัวเองแล้วได้รู้ว่ามันก็เป็นทางเลือกที่เสนอเองว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนะไม่แนะนำ

ManGu: สำหรับการแสดง คุณคิดว่าการแสดงได้สอนอะไรให้กับคุณบ้าง

แพรวา ：สอนให้เราพยายามเข้าใจคนมากขึ้น ถ้าสมมุติเราเจอคนโวยวายกลางห้าง เราจะพยายามเข้าใจเขา เราจะวิเคราะห์ตัวละครเขาก่อนว่าโอเค ที่เขาโวยวายกลางห้างเนี่ยทะเลาะกับแฟนขึ้นหนักรึเปล่า หรือ วันนี้เป็นวันที่ย้ำแย่ที่สุดในชีวิตเขา เราจะพยายามเข้าใจเขามากขึ้น เราจะให้อภัยเขาได้ง่ายขึ้น เหมือนมองโลกเปิดกว้าง

ManGu: จากผลงานที่ผ่านมา คุณคิดว่าบทบาทไหนที่เป็นตัวตนของคุณและคุณรักมากที่สุด

แพรวา ：ถ้ารักมากที่สุดก็คงบท "ขนมปัง" เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทเรา เล่นเป็นตัวละครที่เรารู้สึกว่าเรารู้เลยว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขนมปังจะทำยังไง แต่ถ้าชอบมากที่สุดก็คงจะเป็น "โบโย่" จริงๆหลายๆด้านของตัวละครจะพาเราไปในจุดที่เราไม่เคยไป ตัดสินใจในจุดที่เราคงไม่ตัดสินใจ ต้องขอบคุณทุกตัวคาแรคเตอร์ที่ผ่านมาที่เราได้เรียนรู้ มันคือชีวิตที่พิเศษ ถ้าชีวิตของเรา เราคงไม่เลือกทาง แต่เราไม่รู้หรอกว่าถ้าเราเลือกทางอื่นเราจะเจออะไร แต่พอเราเป็นตัวละคร เหมือนตัวละครเลือกทางเนี่ยเราเหมือนได้แบบ ได้เรียนรู้ว่าทางเลือกทางนั้นมันจะเป็นยังไง เราเลยถือว่าเป็นข้อดีของนักแสดง

ManGu: คุณชอบดนตรีตั้งแต่ตอนไหนและตอนเด็กมีศิลปินท่านไหนหรือเพลงอะไรที่ชอบมากที่สุด

แพรวา ：ตอนเด็กๆเลยค่ะ เพราะว่าเพลงแรกที่ฟังเป็นเพลง งมงายของบอดี้แสลม แล้วก็เป็นพี่ดา เอ็นโดรฟิน ฟังมาเรื่อยๆรู้สึกว่ามันซึมซับแล้วรู้สึกว่ามันเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลกับเรามาก

ManGu: เพลง “จีบป่ะ” คือเพลงแรกที่คุณปล่อยในฐานะศิลปินเดี่ยว ไอเดียในการทำเพลงนี้คืออะไร

แพรวา : มันเกิดจากการที่ว่าเราชอบเจอผู้ชายเข้ามาคุย ซึ่งบางทีเราไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร จีบเรารึเปล่า แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง เราจะไม่เริ่มปฏิบัติอยู่แล้วเพราะว่าเหมือนสังคมเราสอนเรามาแบบนั้นว่า บางทีเรากดดันว่าเขามาจีบเรารึเปล่า แล้วถ้าเราไม่ปฏิเสธ กลายเป็นว่าเราให้ความหวังเขาแต่เขาไม่ใช่คนที่เราชอบก็เลยเป็นเพลงนี้ขึ้นมาเพราะว่าตัวหนูเองหนูชอบความชัดเจน ถ้าสมมุติมีผู้ชายมาจีบ อยากให้บอกเลยว่าโอเคมาจีบ ถ้าบอกว่าชอบมาจีบเราจะได้รู้ว่า เราไม่ได้ชอบหรือเราไม่ได้คิดอะไรกับเขาขนาดนั้น เราคิดกับเขาแค่เพื่อน คิดว่าเขาเป็นพี่ชายน้องชายแค่นั้นค่ะ

ManGu: ล่าสุดได้ปล่อยเพลง “แพ้ว่ะ” ช่วยเล่าคอนเซปต์เพลงนี้และเรามีส่วนร่วมในการทำเพลงอย่างไรบ้าง

แพรวา ：เพลงนี้คอนเซ็ปท์ก็คือ ทางโปรดิวเซอร์ที่แต่งเพลงเขาแต่งมาจากชื่อเรา ที่ชื่อแพรวา แล้วเขาไปล้อเล่นให้เป็น แพ้ว่ะ ใช่แล้วเขาก็เขียนเป็นเพลงขึ้นมา เขาไปเขียนเนื้อเพลงมาแล้วเราอ่านแล้วเราก็ชอบ เราอยากถ่ายทอดเพลงนี้ เพราะว่าเนื้อเพลงคือ มันเหมือนว่าเราอะ ยอมให้คนนี้มาตลอด แต่วันเนี่ยเราจะไม่ยอมละ เราอยากจะรักตัวเองแล้ว เราไม่อยากจะทำร้ายตัวเองอีกแล้ว เรารู้สึกว่าเราชอบเพลงนี้มาก ก็เลยโอเคเราจะร้องเพลงนี้เป็นเพลงที่สองของเรา

ManGu: ในความคิดของคุณความสนุกในฐานะการเป็นนักร้องคืออะไร

แพรวา ：ถ้าความสนุกคือการการที่เราได้เล่าชีวิตตัวเอง เหมือนแบบได้โชว์ความเป็นตัวเองให้คนอื่นได้เห็นบ้าง คนอื่นส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเรากดดัน เรียบร้อย น่ารัก ต้องแจกความสดใสตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เรามี Part หนึ่งที่เป็นแบบนี้ใช่ แต่เราก็มี Part นึงที่เป็นอย่างอื่นด้วย

ManGu: ถ้าสามารถร่วมงานกับใครก็ได้ คุณอยากร่วมงานกับใคร

แพรวา: อยากทำงานกับ Ed Sheeran ค่ะ เป็นเหมือนเป็นไอดอลในการเป็นศิลปะของหนูเลยค่ะ

ManGu: ความแตกต่างระหว่าง “นักแสดง” และ “นักร้อง” คืออะไรและคุณชอบพาร์ทไหนมากกว่ากัน

แพรวา ：จริงๆมันมีความเหมือนกันด้วย ความเหมือนคือเราถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ความหมายต่างๆในเพลง แต่ความต่างคือ ตอนเราแสดงเราแสดงเป็นคนอื่น แต่พอเป็นเพลง เราแสดงความเป็นตัวเรานี่คือข้อที่ต่างกัน แต่ถ้าชอบอันไหนมากกว่ากัน หนูว่าหนูมาถึงจุดที่หนูแสดงจนแบบ รู้สึกว่าเราแสดงเป็นคนอื่นเยอะแล้ว เราเลยอยากจะแบบเป็นตัวของเราบ้าง เราเลยชอบพาสของตัวเอง เพราะว่าความฝันเราตั้งแต่เด็ก พอได้มาทำเรามีความสุข

ManGu:ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน 3 จุดเปลี่ยนที่ส่งผลให้คุณเป็นคุณในวันนี้คืออะไร

แพรวา ：สามจุดเปลี่ยน น่าจะเป็นตอนมัธยมก็เป็นหนึ่งจุดเปลี่ยน ตอนมัธยมทำให้รู้ว่าเราเป็นคนชอบกิจกรรมมาก เราทำทุกกิจกรรมเลยไม่ว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นสภานักเรียน ทำทุกอย่างที่อยู่หน้า ทำทุกอย่างเป็นจุดเด่นจนเรารู้สึกว่า เราอาจจะไม่ได้ชอบเรียนขนาดนั้นแต่เราไม่ทิ้งเราก็แค่จัดตารางเรียนให้มันเข้ากับเราเราไม่ชอบคณิตศาสตร์ เราเลยเรียนภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เราลงภาษาทุกอย่าง เรารู้สึกว่าเราต้องมีติดตัว แล้วก็มาตอนที่เข้าฮอร์โมน เรารู้สึกว่านั้นคือจุดเปลี่ยน เหมือนเราได้ก้าวเข้าสู่อาชีพหนึ่งแล้ว แล้วเราต้องทำมันให้ดีเพราะว่ามันคืออีกอาชีพนึงที่เราก็ต้องให้เกียรติเหมือนกัน เราไม่ได้เข้ามาเล่นๆ ส่วนจุดเปลี่ยนที่สามก็ น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเพราะว่ามันคือวันที่เหมือนกันเราตัดสินใจเดินออกจากบ้านเรา แล้วเราขอไปเติบโตด้วยตัวเองเราลองไปใช้ชีวิตของเรา

ManGu: ในอีก 5 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า คุณอยากให้แฟนๆจดจำคุณในฐานะนักแสดง นักร้อง หรือในฐานะอะไร

แพรวา ：อยากให้รู้จักในฐานะศิลปินค่ะ เรารู้สึกว่าคำว่าศิลปินมันสามารถทำได้ทุกอย่าง

ManGu: เป้าหมายต่อไปของ “แพรวา ณิชาภัทร” คืออะไร

แพรวา ：เป้าหมายต่อไปเรามีแฟนเพลงต่างประเทศแต่เราไม่ได้แบบพบปะเขาเลย เขาไม่มีโอกาสได้เจอเราเลย เราก็รู้สึกว่าถ้าเราได้ไปต่างประเทศน่าจะดีต่อแฟนๆต่างประเทศเหมือนกัน

ManGu: สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่ติดตามและซัพพอร์ตเรามาตลอด พร้อมฝากช่องทางการติดตาม

แพรวา ：ขอบคุณแฟนๆทุกคนที่ติดตามแพรวามาโดยตลอด ยังไงติดตามกันไปเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณค่ะ

Thank you.

Nichaphat Chatchaipholrat  (PEARWAH) / ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ (แพรวา)

IG: nichaphatc

Twitter: @nichaphatc

Fanpage : แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์

ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ ：TTA Space by DraftBoard

Special Thanks ：High Cloud Entertainment

Photographer : Chanokpohn Camnasak @Mickeyhighway_

Graphic Designer : Jamjuree Phetcharat @jam_2p

Coordinator / Interviews : Patthanapong Polpiboon @plyyp

Column Writer : Zou SiYi @joy_zz97 / Thanyamon kheedwan @Wanpr.qp