ผู้บุกเบิกสกุลเงินดิจิตอลในประเทศไทย
สัมภาษณ์ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (ท็อป) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)
ในยุคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ คนที่คว้าโอกาสมักจะเป็นผู้ที่มีความกล้าที่จะเป็นผู้นำของโลก พวกเขาเปลี่ยนจากความรู้สู่มุมมองใหม่ๆและความกล้าหาญที่จะเปิดเส้นทางใหม่ ในที่สุดก็กลายเป็นผู้บุกเบิกในธุรกิจใหม่ๆ
จากวัยรุ่นไปจนถึงอัจฉริยะของ Oxford
จากวัยรุ่นเกเรไม่ชอบเรียน ผมแค่ต้องการเล่นฟุตบอลทุกวันและใฝ่ฝันที่จะเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เขาหวนคิดถึงวัยเด็กของเขา และเขาให้คำตอบกับเราด้วยคำว่า "problem boy" เส้นทางการเติบโตของเขาดูเหมือนจะ "จงใจ" ไม่เหมือนกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขาไม่ชอบเรียน เขาติดฟุตบอลทุกวัน แม้กระทั่งการถูกบังคับให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ
เขามาเรียนที่นิวซีแลนด์ครั้งแรก จนจบมัธยมปลาย เขาปลุกใจให้กลับมาที่ไทยอีกครั้ง แต่เนื่องจากเกรดของเขาไม่ดี ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่ามีเพียงการเรียนรู้เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแปลงตนเอง ก้าวเข้าไปในห้องสมุด และเริ่มอุทิศตนเพื่อการเรียนรู้ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาจึงวางแผนใหม่ให้ตัวเอง
เป้าหมายของเขาก็เปลี่ยนจากการเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยชั้นนำ เป็นการเรียนในมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ทำวิถีชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
ผู้บุกเบิกสกุลเงินดิจิตอลในประเทศไทย
จากวัยรุ่นเกเรไปจนถึงอัจฉริยะของ Oxford เขาใช้ความพากเพียรแน่วแน่ในการเปลี่ยนแปลงชีวิต จากคอมพิวเตอร์ไปสู่การสร้างอาณาจักรดิจิตอลหมื่นล้าน เขาใช้เวลา8ปี ในการทนต่อความยากลำบากมากมาย ในช่วงที่ยากลำบาก เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้บุกเบิกด้านสกุลเงิน ดิจิตอลเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำชีวิตของตนเองอีกด้วย นิตยสาร @ManGu ฉบับบนี้ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จัก ผู้บริหารอายุน้อย คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
ManGu : อยากให้ช่วยเล่าชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน
Topp : ตอนเป็นเด็กเป็นเด็กเกเรครับ ไม่ใช่เป็นเด็กเรียน เล่นแต่กีฬาโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ความฝันวัยเด็กคือการเป็นนักกีฬาฟุตบอล อยากจะเป็นคนไทยคนแรกที่ไปเล่นให้ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทุกวันจะเล่นบอล โรงเรียนผมจะมีเวลาพัก10นาที พักเที่ยง หลังเลิกเรียน ผมจะไปเล่นทุกเบรค ตอนเลิกเรียนตอนเย็นพ่อแม่มารับกลับ ผมก็ไม่ยอมกลับ ก็จะเล่นจนฟ้ามืด จนคุณพ่อคุณแม่รอไม่ไหวนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง ไม่เคยตั้งใจเรียนเลยเน้นแต่กีฬา ชกต่อยกับเพื่อนเป็นเด็กเกเร จนเกือบโดนไล่ ตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณแม่ร้องไห้ คุณแม่เลยส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ เพื่อที่จะไปดัดนิสัย เป็นโรงเรียนประจำ ตอนนั้นก็ยังคิดไม่ได้ ยังเล่นกีฬา ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไร จนกระทั่งพอจบมาจากโรงเรียนที่นิวซีแลนด์ ก็อยากจะกลับมาที่เมืองไทย จะกลับมาเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองไทย ก็เกรดเฉลี่ยไม่ดี เข้ามหาลัยดีๆไม่ได้ เลยมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองครับ
ManGu : คุณเข้าสู่มหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลก อย่างมหาวิทยาลัย University of Oxford ได้อย่างไร
Topp :การไม่ได้มาเรียนที่ประเทศไทยเป็นจุดเปลี่ยน ผมเริ่มเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงวางแผนใหม่ให้ตัวเอง เนื่องจากผมชอบฟุตบอล เลยอยากเรียนที่ประเทศอังกฤษ ก็ได้ยื่นไป 5 มหาวิทยาลัย โดยอันดับแรกที่ผมยื่นไปคือ University of Oxford เพราะว่าผมเป็นคนจะตั้งเป้าหมายของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเป้าหมายของผมจากการเป็นนักฟุตบอลก็เปลี่ยนไปคืออยากเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ช่วงเรียนผมเรียนที่นั่น เปลี่ยนผมไปเยอะมาก ผมเริ่มอ่านหนังสือ เรียนหนังสือ ผมอ่านหนังสือ 7 วันต่อสัปดาห์ เรียน 12 ถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน เพราะเมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน คุณจะรู้ว่าอะไรที่คุณสามารถปล่อยวางได้และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณในตอนนี้คืออะไร คุณสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในรูปแบบใดก็ได้ ดังนั้นการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญครับ
Mangu: หลังจากเรียนจบทำไมคุณถึงตัดสินใจทำงานที่เซี่ยงไฮ้
Topp : อันนี้ผมว่าผมคิดต่างจากคนอื่น เพราะทุกคนที่จบมหาวิทยาลัยชั้นนำก็จะทำบริษัทใหญ่ๆหรือมีชื่อเสียง แต่ผมคิดต่าง ผมต้องการใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการค้นหาและคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมต้องการจะทำ ดังนั้นฉันจึงพยายามใช้ชีวิตในประเทศและเมืองต่างๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน ตอนนั้นเซี่ยงไฮ้เป็นช่วงที่โตไวมากในหลายๆเขต เริ่มมีตึกสูงเต็มไปหมด เราเลยรู้สึกเขาโตเร็วที่สุดในโลก ผมก็เลยไปทำเป็นบริษัทของอเมริกา เพราะว่าเราพูดภาษาจีนไม่ได้
ManGu : คุณอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แค่สองอาทิตย์ แล้วทำไมถึงกลับไปที่อเมริกาต่อ
Topp : ผมชอบเซี่ยงไฮ้มาก ที่นี่ได้เติมตันชีวิตและสีสันผมทุกวัน และที่นี่ผมได้พบอาชีพที่รักและค้นพบ Bitcoin ตอนนั้นผมอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น ผมเริ่มเข้าใจและพบว่ามีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมาก แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะทำหรือไม่ ดังนั้นผมจึงไปที่ซิลิคอนแวลลีย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อไปหาทางมุมมองของ Google และ Facebook เกี่ยวกับ Bitcoin และได้ปรึกษากับรุ่นพี่University of Oxford รุ่นพี่บอกผมว่า "Bitcoin กำลังเปลี่ยนแปลงโลก" ซึ่งทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นในการทำ Bitcoin
ManGu : หลังจากนั้นก็ตัดสินใจกลับมาเมืองไทยเลย
Topp : คุณพ่อ คุณแม่ ขายเสื้อผ้าที่ตลาดประตูน้ำ และผมนั่งอยู่ที่ประตูเพื่อเขียนโค้ดพร้อมแล็ปท็อป พวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ bitcoin มาก่อน พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และสังคมไทยไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริง คุณแม่คุณแม่ก็แปลกใจที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ผมอยู่ที่ร้านกับคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
ManGu : บริษัทของคุณเริ่มต้นอย่างไร
Topp : ธุรกิจหลักของ Bitkub คือการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล หลังจากที่ Bitcoin เข้าสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ความต้องการในการทำธุรกรรมก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีพ่อค้าคนกลางที่เป็นทางการและความปลอดภัย ดังนั้นผมจึงต้องการเปิดการแลกเปลี่ยนที่สามารถทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลาง เราได้สร้างเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์กับแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนสามารถดูข้อมูลการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ และช่วยลูกค้าไปที่เว็บไซต์อื่นเพื่อทำการซื้อ และเราจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคนกลาง
ManGu : อะไรคือส่วนที่ยากที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ
Topp : ช่วง 10 เดือนแรกค่อนข้างยาก ถ้าไม่มีทีม ผมต้องทำอะไรหลายๆอย่างด้วยตัวเอง ผมต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ดูแล การบัญชี และการตลาด เพราะจะไม่มีใครเชื่อ CEO อายุ 23 ปี เพราะเขาจะมองว่าคุณเด็กเกินไป ในปี 2014 ประเทศไทยไม่ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับ cryptocurrencies ใด ๆ ผมได้รับจดหมายเตือนจากธนาคารแห่งประเทศไทย พ่อของผมรู้เรื่องนี้และต้องการให้ผมยอมแพ้ แต่ผมยังทำต่อจนถึงปัจจุบัน
ManGu : อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่า Bitcoin จะประสบความสำเร็จ
Topp : ฉันเชื่อมั่นว่า Bitcoin จะพัฒนาได้ดีมากในอนาคต วิชาหนึ่งที่ผมชื่นชอบในมหาวิทยาลัยคือ "ประวัติศาสตร์การเงินโลก" ของบิล เกตส์และ สตีฟ จ็อบส์ พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ พวกเขาคิดว่าคอมพิวเตอร์กำลังจะเปลี่ยนโลก ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างระบบซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับโลก คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาอินเทอร์เน็ตและมองไม่เห็นอนาคตของอินเทอร์เน็ต แต่ท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็ประสบความสำเร็จ นี่เป็นเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจก่อนและคว้าโอกาสแห่งยุคสมัย ตราบใดที่คุณกำลังเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องสู่การพัฒนาของโลก คุณก็จะประสบความสำเร็จก่อนคนอื่น
ManGu: ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดมีผลกระทบดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
Topp : ส่งกระทบในด้านบวกครับ เพราะว่าจริงๆทุกธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับดิจิตอลมันดีขึ้นหมด มันเปลี่ยนทิศทางโลกไปแล้วครับ
ManGu : บทบาทของ Bitkub ในอนาคตจะเดินไปทางทิศทางไหน
Topp : Bitkub มีบริษัทในไทยอยู่แล้ว 9 แห่ง และสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มจาก Financial Inclusion, Education Inclusion และ Healthcare Inclusion เพื่อพัฒนา ในอนาคตฉันหวังว่าประเทศไทยจะปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลได้และเราจะแสดงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยให้โลกเห็น เราให้โลกรู้ว่าประเทศไทยสามารถมีบริษัทยูนิคอร์นของตัวเอง บริษัทเทคโนโลยีของตัวเอง และเรามีคุณสมบัติที่จะยืนบนเวทีของการประชุมประจำปีของ World Economic Forum ครับ
ManGu: มีงานอดิเรกอะไรบ้าง ตอนนี้ยังชอบเล่นฟุตบอลอยู่ไหม
Topp : อันนี้ตอบยากมากครับ เพราะว่าไม่ได้มีเวลาว่างมานาน คงอาจจะเป็นท่องเที่ยวครับ ไม่ได้เตะบอลมา 15 ปี เลิกความคิดที่เป็นนักฟุตบอล แล้วก็ไม่ได้ดูบอลด้วย ทำแต่งานไม่ได้ออกกำลังกายเลย ไม่มีเวลาให้ครอบครัว โชคดีที่แฟนเข้าใจ โชคดีที่เจอคนที่เข้าใจเรา ผมมาถึงจุดนี้ได้เพราะมีคนมาสนับสนุน มีพ่อแม่ พี่น้อง แฟนที่เข้าใจเราครับ
ManGu: สุดท้ายมีอะไรอยากฝากบอกผู้อ่านชาวจีนบ้าง
Topp : ถ้าคนเรามีความหลงไหล ความเชื่อกับอะไรบางอย่าง แล้วเราลงมือทำทุกวัน แม้แต่เราจะเป็นคนที่เล็กที่สุดคนนึงก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ อย่าง Case ของผมเป็นตัวอย่าง เป็นคนที่มีความเชื่อมากๆเชื่อเรื่องบิทคอยน์ โตมากับร้านขายเสื้อผ้าของคุณแม่ 8 ปีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขอแค่มีความเชื่อ สิ่งที่อยู่รอบตัวเราที่สร้างมาก่อนไม่ได้ฉลาดหว่าเรา ก็เป็นในทุกยุคสมัย เราสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ Story ของผมโชว์ให้เห็นชัดเจนว่า ผมก็เป็นคนเล็กๆคนนึงที่ ไม่ว่าอุปสรรคอะไรเข้ามา ขอแค่เราไม่ล้มเลิก ลงมือทำทุกวัน เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงสังคมได้ครับ
Thank you.
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (ท็อป) / Jirayut Srupsrisopa (Topp)
Website : www.bitkub.com
Photographer : Chanokpohn Camnasak @Mickeyhighway_
Graphic Designer : Jamjuree Phetcharat @jam_2p
Coordinator : Natruja Mingmean @fahnrj
Column Writer : Zou SiYi @joy_zz97 / Natruja Mingmean @fahnrj