news-details

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 264 (15th Sep 2023) พบกับ "คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ตจำกัด (มหาชน)

ในการทำธุรกิจ บางแบรนด์ไม่เพียงแต่ทำผลิตภัณฑ์เป็นคอลเลคชั่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสวงหา ทัศนคติ และแรงผลักดันอย่างต่อเนื่องสําหรับการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Warrix เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาแห่งชาติของไทย เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและเบื้องหลังความสำเร็จ ผู้ก่อตั้งแบรนด์คือ คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล หรือ คุณฮิม จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและในช่วงปีแรกๆ เขาไม่เพียงแต่มีความรู้ด้านธุรกิจที่มั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สังเกตการณ์ตลาดอีกด้วย อาชีพของเขาได้เริ่มต้นกับ บริษัท ปูนซีเมนต์ ไทย จำกัด (มหาชน) หลังจากนั้นได้ทำงานที่บริษัท นันยาง เท็กซ์ไทล์ จำกัด เก็บเกี่ยวประสบการณ์และข้อมูลมากมาย

ผมเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองตอนอายุ 28 หลังจากนั้นประมาณ 11 ปี ผมได้ก่อตั้งแบรนด์ Warrix ซึ่งทําให้ผมประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้และเมื่อผมอายุ 30 ปี ชีวิตของผมสามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดที่คุณพ่อเคยมีตามที่ผมได้ตั้งใจไว้ และทำให้ผมได้ช่วยพ่อชําระหนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจ เพราะต้องดิ้นรนกับชีวิตและการทํางานมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อหลอมสร้างผมให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่น ๆ

คุณวิศัลย์ผู้ก่อตั้ง Warrix เขาเป็นนักธุรกิจที่กล้าไล่ตามความฝัน เขาได้แสดงถึงความรู้ความสามารถ มุ่งมั่น บนเส้นทางการก่อตั้ง Warrix เมื่อสิบปีก่อน Warrix เป็นเพียงแบรนด์ที่น้อยคนจะรู้จัก แต่หลังจากความพยายามมาหลายปี ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้รับความนิยมในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะด้านเสื้อกีฬาฟุตบอลที่นำความสำเร็จมาให้แบรนด์เป็นอย่างมาก เส้นทางเป็นในการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณวิศัลย์มีทัศนคติและความกล้าที่จะเผชิญกับความท้าทาย เขาไม่เพียงที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดแต่เขายังได้ใช้ความรู้และความมุ่งมั่นผ่านพ้นความลำบากมาได้และเติบโตในเส้นทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

Warrix ไม่ใช่เพียงแบรนด์ชุดกีฬา แต่ยังสะท้อนถึงทัศนคติของทางแบรนด์ ซึ่งWarrix มาจาก warrior ที่แปลว่านักรบ แสดงถึงจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งที่สร้างสรรค์พัฒนาแบรนด์มาโดยไม่เคยลดละความพยายาม และทางแบรนด์ให้ความสําคัญเอกลักษณ์คุณภาพและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย สินค้าส่วนใหญ่ยังผลิตในท้องถิ่นเพื่อให้มั่นใจกับคุณภาพที่เป็นมาตราฐาน

อย่างไรก็ตาม Warrix ไม่เพียงแต่คำนึงถึงการประสบความสำเร็จทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงการรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้เน้นย้ำว่า “การทำธุรกิจไม่ควรหวังผลเพียงแค่กำไรอย่างเดียว แต่ควรรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” ค่านิยมเหล่านี้ทำให้ Warrix เปลี่ยนคู่แข่งทางการค้าให้กลายเป็นมิตรได้ ก่อให้เกิดความร่วมมือและการแข่งขันแบบ win win ทั้งสองฝ่าย

Warrix ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายที่จะมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยการสนับสนุนกีฬาฟุตบอลทีมชาติ ซึ่งพวกเขากำลังพาความสามารถของแบรนด์ไปสู่เวทีนานาชาติ เซ็นสัญญากับสมาคมฟุตบอลพม่า (MFF) และสนับสนุนสโมสรฟุตบอลจากประเทศเพื่อนบ้านที่แสดงความมุ่งมั่นข้ามพรมแดนของกีฬาฟุตบอล นอกจากนี้ Warrix ยังได้ขยายแบรนด์ไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเส้นทางแห่งความสำเร็จของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป และวางแผนที่จะขยายไปสู่ตลาดยุโรปในอนาคต

การตัดสินใจของผู้ก่อตั้งตลอดจนการพัฒนาแบรนด์ Warrix คือเส้นทางแห่งความสำเร็จ และความรู้ความสามารถที่พัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยนำความรู้ทางธุรกิจและความรับผิดชอบทางสังคมใช้ควบคู่กัน เป็นผู้นำตลาดด้วยคุณภาพและคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เรื่องราวของ Warrix แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความกล้าหาญ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการนำความรู้ทางธุรกิจและความรับผิดชอบทางสังคมมาใช้ร่วมกัน ในวงการ การแข่งขันธุรกิจนั้น Warrix ยังคงสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการนำนวัตกรรม คุณภาพและคุณค่าของผลิตภัณฑ์ กลับคืนให้กับลูกค้า

 Mangu : ในการทำธุรกิจพบเจออุปสรรคอะไรมาบ้างไหมคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : ตลอดชีวิตที่ผมทำธุรกิจมาก็มักจะพบเจอปัญหาอยู่ทุกวัน เวลาเราเจอปัญหาที่ใหญ่ผมคิดว่าเราต้องมองเห็นปัญหาและแก้ไขปัญหา ในขณะเดียวกันต้องยอมรับความผิดพลาด จริงๆแล้วธุรกิจของผมมีสิ่งที่ผิดพลาดมากกว่าสิ่งที่สำเร็จ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองสิ่งที่ประสบความสำเร็จสิ่งที่ผิดพลาดนั้นผมมองว่าเราควรจะเรียนรู้และเดินไปข้างหน้า ผมจำได้ว่าผมทำคอลเลคชั่นเสื้อผ้าฟุตบอล แล้วไม่นานก็ได้ทำจักรยานกับแบตมินตัน แม้ว่าจะดูเป็นกลุ่มเดียวกันแต่ผมไม่ชำนาญในตลาดนั้น การทำจักรยานและแบตมินตันจึงทำให้ผมเฟล แล้วผมก็หยุดทำมันภายในครึ่งปี เพราะว่าผมไม่อยากลองความผิดพลาดแบบนั้นอีก ในขณะเดียวกันเราก็เรียนรู้ว่าจะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆยังไงไม่ให้ผิดพลาดอีก ตั้งแต่นั้นมาผมก็ได้ยึดมั่นทัศนคติและความคิด เผชิญหน้ากับความท้าทายกับโอกาสที่เข้ามา

 

Mangu : ตอนที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเองในวัย 28 ปีตอนนั้นเริ่มต้นได้อย่างไรคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล: ตอนที่ผมอายุ 14 ปี ช่วงวัยเด็กของผมที่บ้านมีฐานะดี ต่อมาธุรกิจที่บ้านของผมล้มเหลว จากธุรกิจค้าขายไม้ จนเริ่มรู้ว่าตัวผมเองไม่มีอะไรเลย และได้มานั่งคิดว่าตัวผมเองจะต้องวางเป้าหมายยังไง ซึ่งผมได้ตั้งเป้าหมายว่าก่อนผมอายุ 30 ปี ต้องมีมากกว่าเมื่อก่อนที่พ่อของผมเคยมี แล้วผมก็จะกลับมาเลี้ยงดูพ่อให้ท่านได้ภูมิใจ

หลังจากเรียนจบก็ไปทำงานที่บริษัท ปูนซีเมนต์ ไทย จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งนักการตลาด ฝ่ายผู้แทนจำหน่ายเป็นเวลา3ปีจากนั้นก็ออกมาทำงานฝ่ายขายต่างประเทศในเครือบริษัท นันยาง เท็กซ์ไทล์ จำกัด อีก 3 ปี พออายุ 28 ปีก็เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เริ่มจากเป็นคนขายและไปจ้างคนอื่นผลิตจนเป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเองขายผ้าทำยูนิฟอร์มให้โรงเรียนนานาชาติทำจนถึง11ปีก่อนทำบริษัท Warrix แต่ตอนอายุ30 ผมได้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ผมมีมากกว่าจุดสูงสุดที่พ่อเคยมี ผมได้กลับไปตามใช้หนี้ของพ่อ เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจ ผมเป็นนักรบมาโดยตลอด เรื่องราวที่ผ่านมาจากวัยเด็กเป็นสิ่งที่หล่อหลอมสร้างผมให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่น 

Mangu : คุณพบช่องทางการทำธุรกิจและโอกาสใหม่ๆได้อย่างไร?

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : ผมชอบสังเกตดูว่าคนรอบข้างกําลังทําอะไรอยู่ พอมองเห็นโอกาสผมก็มักจะคว้าไว้ ประสบการณ์ที่ผมได้เก็บเกี่ยวมีทั้งกําไรและขาดทุน มันสอนให้ผมระวังการรีบร้อนเมื่อไล่ตามโอกาส อย่างไรก็ตามเมื่อประสบการณ์ค่อยๆมากขึ้น ผมก็คิดได้ว่าแม้ว่าจะมีโอกาสเข้ามาหาผมไม่รู้จบ ผมก็ต้องเลือกคนที่เชี่ยวชาญและเข้ากับสาขาอาชีพ หากเราฉวยโอกาสที่จะไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้ ทุกอย่างอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

Mangu : Warrix มีทำที่ต่างประเทศด้วยใช่ไหมคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : Warrix เพิ่งเริ่มขยายออกไป สิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่ในบางประเทศถูกเซ็นสัญญาแบบไม่ยุติธรรม เราจึงต้องกลับมาแก้ไข เมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 ปี นายกสมาคมฟุตบอลในต่างประเทศคนเดิมให้เรากลับไปเซ็นสัญญาใหม่ เราก็ปฏิเสธ เพราะเคยมีประสบการณ์โดนหลอกมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงขยายไปที่มาเลเซียและสิงคโปร์ เพราะเรามองเห็นโอกาสใหม่ๆ และได้พบว่าสินค้า Warrix ได้เติบโตไปสู่ภูมิภาคอื่นๆจากการที่ได้ทำตลาดทีมชาติไทย ทีมชาติพม่าและสปอร์ตเซอร์ชิปฟุตบอลระดับเอเชี่ยนคัพ ในปัจจุบันสินค้าที่ขายดีของเราได้แพร่หลายไปสู่มาเลเซีย และกำลังขยายตลาดไปสู่11ประเทศในอาเซียน

จริงๆการทำธุรกิจมี 3 คุณลักษณะ: เงินถึง ใจถึง ความสามารถถึง ถ้าหุ้นส่วนของเราในต่างประเทศไม่มี3อย่างนี้โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะยาก นอกจากนี้เราพบว่าการขยายตลาดไปประเทศอื่นๆสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้สภาพแวดล้อมของหุ้นส่วนนั้

  Mangu : คิดว่าคุณภาพของเสื้อของ Warrixต่างกันยังไงกับเสื้อของต่างประเทศ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : สินค้าของ Warrix ผลิตจากเส้นด้ายเบอร์เดียวกัน เครื่องทอเครื่องเดียวกันคนเย็บคนเดียวกัน โรงย้อมผ้าที่เดียวกันกับแบรนด์ระดับโลก และราคาอยู่ตรงกลางระหว่างแบรนด์ระดับโลกกับแบรนด์ท้องถิ่นจึง เป็นช่องว่างที่เราเติบโตได้อีกด้วยใน 11 ประเทศในอาเซียน

การออกแบบของเรามีนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ยอดขายบริษัทในช่วงแรกเติบโตมากถึง 60-180 ล้านบาท หลังจากนั้นได้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 574 ล้าน และหลังโรคระบาดสิ้นสุดลง บริษัทยังคงเติบโตขึ้นอีกถึง 700 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพยากรบุคคลของเราเป็นบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่ง จนทำให้บริษัทก้าวไปสู่ความสำเร็จ

 

Mangu :คุณวิศัลย์ทำธุรกิจในหลายๆด้านต้องมีทีมงานที่ซัพพอร์ตที่มีความ professional และด้วย เวลาที่มีจำกัดเราจะบาลานซ์แต่ละทีมทำงานกันยังไงคะ  

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล: ช่วง 9 ปีแรกที่ผมต้องนำทางบริษัททั้งหมด ผมทำงาน 12 ชม.ต่อวัน ทำ 5-6 วัน บริษัทก็พัฒนาจากศูนย์ไปถึงพันล้าน แต่จากพันล้านไปให้ถึงหมื่นล้านผมทำคนเดียวไม่ไหว ผมจึงหาคนเก่งๆ ในแต่ละสาขาวิชามาทำงานกับผม เมื่อสำรวจตลาดเสร็จผมได้ทำการขยายแบรนด์จากขนาดตลาด (Market Size) 3 หมื่นล้านกลายเป็นแสนกว่าล้าน ผมจึงรับคนเข้ามาทำงานเพิ่มเรื่อยๆ และผมก็มีหน้าที่เป็นคนซัพพอร์ตพวกเขาให้พวกเขาทำงานได้ 

Mangu : คุณชอบกีฬาประเภทไหนคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : ผมชอบดูฟุตบอล แต่ผมเล่นฟุตบอลไม่เป็น ส่วนมากผมจะอยู่ในฟิตเนสออกกำลังกายให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และผมก็เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆที่เป็นวิทยาศาสตร์การกีฬา และค้นหากีฬาใหม่ๆนำมาใช้กับความรู้ของผม

 

Mangu : คุณเคยดูวีดีโอเกี่ยวกับนักลงทุนจีนบ้างไหมคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : เคยดูครับ ผมคิดว่าตลาดจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และนักธุรกิจจีนมีประสบการณ์ที่สุดยอดมาก แจ๊คหม่าก็เป็นไอดอลของผมคนหนึ่งเลย แต่ผมคิดว่าการที่เราจะเข้าไปในตลาดจีนก็เหมือนกับการก้าวไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง เราต้องศึกษาอย่างระมัดระวัง ผมรู้สึกว่าการเข้าสู่ตลาดจีนยากกว่าการไปบุกตลาดฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาอีกและคงต้องเตรียมพร้อมจริงๆผมถึงจะเข้าสู่ตลาดจีน ผมคงรอดูเวลาไปอีกสักระยะ

Mangu : สุดท้ายมีอะไรที่อยากฝากถึงผู้อ่านในประเทศจีนไหมคะ

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล : เวลาเรียนในห้องเรียนในประเทศไทยผมถูกสอนมาว่าคำตอบที่ถูกต้องมีเพียงข้อเดียว สำหรับผมการถูกสอนแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด การจะได้ผลลัพธ์นึงไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป ยังสามารถที่จะเปิดกว้างให้คนในทีมเราคิดหาทางที่จะได้คำตอบนี้ บางอย่างยอมให้เขาพลาดเพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียวในการประสบความสำเร็จ อาจจะฟังดูขัดแย้ง แต่ทุกคนทำการค้าล้วนอยากได้ผลกำไร ผมมีคติประจำใจที่ใช้ในการทำธุรกิจและการดำรงชีวิตก็คือ “คนที่หิวเงิน จะไม่มีวันอิ่มเงิน” หมายถึง ถ้าเรายิ่งกระหายเงินมากเท่าไร ต่อให้ทำเท่าไรก็ไม่มีวันที่จะพอ เราไม่ได้ตัดสินใจจากความโลภหรือความกระหายเงินอย่างเดียว แต่เราตัดสินใจผ่านองค์ประกอบและจริยธรรมมากกว่าการมองถึงกำไร และบางอย่างตัดสินใจด้วยสิ่งที่วัดด้วยตัวเงินไม่ได้มากกว่ากำไรครับ

 

Thank you.

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล

 

Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blackroom 
Graphic Designer : Natchaphol Jin Srijun @Banshy.j
Coordinator : Narumon Sripool @poo_ler
Column Writer : Zou SiYi @joy_zz97

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 265 (1st Oct 2023) จากฮ่องกง สู่ ประเทศไทย คุณพอลล์ กาญจนพาสน์ ซีอีโอบางกอกแลนด์ ผู้เติมจิ๊กซอว์ใหม่ บน อาณาจักร เมืองทองธานี

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 263 (1st Sep 2023) พบกับบทสัมภาษณ์ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ ประธานกรรมการธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (มหาชน)