ManGu : คุณแพงสามารถแนะนำตัวคร่าวๆให้เราฟังได้ไหมคะ
คุณแพง : แพงนะคะ เป็น เจ้าของ แบรนด์ GENTLEWOMAN ทางแบรนด์เปิดมา 5 ปีแล้ว จริงๆแล้ว แพงจบบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ได้เรียนสายแฟชั่นเลย พอหลังเรียนจบก็ทำงานประจำ แพงก็ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชีอยู่ 2 ปี และระหว่างการทำงานก็เริ่มทำแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของตัวเองซึ่งเป็นแบรนด์เล็กๆในเฟสบุ๊ค เพราะด้วยความที่เราตัวเล็กมากทำให้หาเสื้อผ้าที่พอดีตัวลำบาก เพราะตอนนั้นก็มีแต่แบรนด์อินเตอร์ที่มีแต่ไซส์ ใหญ่ๆ ทำให้เราเกิดไอเดียนี้มาทำแบรนด์เล็กๆของตัวเองหลังจากนั้น แบรนด์ก็ค่อยๆเริ่มลงตัว แพงเลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำแบรนด์ของตัวเองอย่างเต็มตัวนี้ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แพง ย้ายจากสายบัญชีมาเป็นสายแฟชั่น แต่ในตอนนั้นธุรกิจของแพงยังเล็กมากๆทำให้แพงตัดสินใจไปศึกษาเพิ่มเติม MBA หลังเรียนจบ MBA ก็ได้เจอกับหุ้นส่วนและทำงานร่วมกันจนถึงทุกวันนี้
ManGu : GENTLEWOMAN เกิดจากอะไร และอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งชื่อนี้
คุณแพง: เพราะในตอนนั้นเราเรามอง Target ที่ใกล้เคียงกับตัวเรา เสื้อผ้าตอนแรกจึงออกมาเป็นชุดทำงานที่มีความ Twist และใส่ดีเทลเพิ่มเติมเข้าไป ทำให้ชื่อแบรนด์ที่เราอยากได้นั้น อยากจะให้มันสื่อถึงความมั่นใจ มีความ Strong และในตอนนั้นมันมีคำว่า Gentleman จุดนี้เลยจุดประกายความคิดชื่อ GENTLEWOMAN ขึ้นมา
ManGu : แล้วความรู้เกี่ยวกับบัญชีมีส่วนช่วยในเรื่องการทำแบรนด์ GENTLEWOMAN บ้างไหมคะ
คุณแพง : มีส่วนช่วยมากๆ เพราะบัญชี เป็นพื้นฐานของทุกธุรกิจ ทำให้ช่วยแพงในแง่ของการมีวิธีคิด เรื่องการวางแผน การจัดการงานอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำให้มีระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น
ManGu : ที่บอกว่า แบรนด์ GENTLEWOMAN สร้างมา 5 ปีแล้ว ทางเราอยากทราบว่า 2 ปีแรก กับ 3 ปีหลังต่างกันยังไงคะ
คุณแพง : ค่อนข้างต่างมากๆค่ะ เพราะพอเราเปิดแบรนด์มาปีกว่าๆ ก็เกิดเชื้อโควิด19 ระบาด แพงมีสาขาอยู่ประมาณ 10 สาขาในห้าง แต่พอโควิดระบาดทำให้หน้าร้านทุกสาขาปิดทั้งหมดเพราะห้างก็ต้องปิด และในตอนนั้นด้วยความที่ทางแบรนด์เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวกับ พนักงานออฟฟิศ เมื่อมีโควิด ทุกคนทำงาน อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปออฟฟิศ เสื้อผ้าที่ดูเป็นชุดทำงานมากๆก็ขายไม่ได้เลย เราต้องมีการประชุมทีมเพื่อวาง แนวทางกันใหม่ และพยายามปรับตัวสินค้าใหม่ ให้มีความ Casual มากขึ้น สามารถใส่ Work from home หรือพักผ่อนอยู่บ้านได้ กลายเป็นว่าในช่วงโควิดที่แบรนด์อื่นหยุดนิ่ง เราปรับตัวมาเรื่อย ๆ จนแบรนด์เป็นที่ รู้จักมากขึ้น ได้รับการตอบรับในวงกว้างขึ้น ทำให้ช่วง 3 ปีหลังภาพรวมของแบรนด์เราสนุกขึ้น ตามเทรนด์ มากขึ้น และด้วยความที่เราออกสินค้าใหม่ทุกอาทิตย์ทำให้ลูกค้าที่กลับมาซื้อไม่รู้สึกเบื่อเพราะมีอะไรใหม่ๆ เสมอ
ManGu : GENTLEWOMAN มีอะไรที่แตกตากจากแบรนด์อื่น
คุณแพง : อย่างที่ทราบว่า เราออกคอลเลกชันใหม่ทุกอาทิตย์ จึงต้องอาศัยการวางแผนและการทำงานที่เป็น ระบบมากๆ เราจะมี planner คอยวางแพลนทั้งปี แตกย่อยลงมารายเดือน รายสัปดาห์ ว่าในแต่ละคน ต้องทำอะไรบ้าง ทั้ง Designer, Merchandiser, Creative, Graphic Designer ซึ่งในส่วนของการออกแบบ Designer แต่ละคนก็จะหาInspiration ใหม่ๆมานำเสนอทำให้คอลเลกชันในแต่ละสัปดาห์มีความแตกต่างกัน แล้วในบางเดือนทางแบรนด์ก็ทำการคอลแลปส์กับทาง แบรนด์อื่นๆ หรือดารา ศิลปิน ทั้งไทยและต่างชาตินี้ ทำให้คอลเลกชันของเราไม่น่าเบื่อ
ManGu : ที่ผ่านมา ทางเราเห็นว่า ไม่ค่อยโปรโมทสินค้ามาก แล้วแบรนด์มีวิธีการนำเสนอยังไงบ้างคะ
คุณแพง : เราเคยเสียเงินลงโฆษณาเยอะมากในช่วงแรกๆเหมือนกับแบรนด์อื่นทั่วไปแต่พอเรามากลับมานั่งวิเคราะห์ข้อมูล เรารู้สึกว่าหัวใจสำคัญของแบรนด์แฟชั่นคือเรื่องของสินค้า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่กลับมาซื้อ แบรนด์เราซ้ำเพราะชื่นชอบสินค้าของเราจริงๆ ทำให้เราปรับเปลี่ยนแนวคิด หันมาพัฒนาสินค้าของเรา ไม่ ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าให้เข้ากับช่วงอายุมากขึ้น ให้ผู้ใช้จริงและเหล่าผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์สามารถ สวมใส่ได้ ซึ่งทางแบรนด์ จะออกแบบสินค้าให้มีความหลากหลาย เข้าถึงง่าย และสามารถใช้ได้ในชีวิต ประจำวัน เช่น เสื้อผ้าทั้งผู้ใหญ่และเด็ก กระเป๋า รองเท้า เคสโทรศัพท์ หรือเคสไอแพด
ManGu : ตอนนี้คุณแพง มีกี่สาขาและมีพนักงานประมาณกี่คนคะ
คุณแพง : ตอนนี้ GENTLEWOMAN มีทั้งหมด 16 สาขา และมีแพลน ที่จะเปิดอีก 3 สาขาภายในสิ้นปี 2023 นี้ สาขาเกือบทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้าเป็นในต่างจังหวัด ก็จะมีที่ขอนแก่น และที่ภูเก็ตอีก2 สาขา และต้นปีหน้า มีแพลนที่จะเปิดที่เชียงใหม่ และ หาดใหญ่ ส่วนเรื่องทีมงานรวมทั้งหมด ประมาณ 300 กว่าคนค่ะ
ManGu : แล้วมีวิธีการบริหาร ทีมงานยังไงคะ
คุณแพง : Culture องค์กรเราจะค่อนข้างวัยรุ่น เข้าถึงง่าย ทีมงานจะสื่อสารกันตลอด และภายในทีมหุ้นส่วน ก็จะแบ่งส่วนกันดูแลชัดเจน ส่วนของหน้าร้านและคลังเราก็หาคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะมาช่วยดูแลค่ะ แต่ทุกฝ่ายจะมีการสื่อสารกันตลอดเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
ManGu : หลังจากผ่านวิกฤตโควิด 19 มาแล้ว แบรนด์ GENTLEWOMAN ก็เป็นอีก 1 แบรนด์ที่เติมโต อย่างรวดเร็ว แนวทางหรือ นโยบายของ GENTLEWOMAN มีความแตกต่างกันไรในช่วงก่อนวิกฤตและหลังวิฤต
คุณแพง : เราจะสื่อสารกับทุกคนในทีมตั้งแต่แรกว่าอยู่ที่นี่ต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลา ทั้งก่อนและหลังเกิด วิกฤต ทีมเราจะเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time และนำมาปรับแผนกันตลอดเวลา เราไม่กลัวที่จะทดลอง แต่ก่อนจะลองต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงมาแล้ว การเรียนรู้และกระตือรือร้นตลอดเวลา ทำให้ ทางแบรนด์ GENTLEWOMAN สามารถเติบโต และผ่านวิกฤตไปได้อย่างดีค่ะ
ManGu : งั้นแพลนของปีหน้าจะมีอะไรบ้างคะ
คุณแพง : เรามีแพลนที่จะขยายสาขา และตอนนี้กำลังโฟกัสกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ และมีแพลนจะขยายสาขาไปต่างประเทศด้วย
ManGu : แบรนด์ MATTER MAKERS ที่พึ่งเปิดตัวใหม่ มีอะไรที่พิเศษไม่เหมือนใครตรงไหนบ้างคะ
คุณแพง : MATTER MAKERS เป็นแบรนด์ใหม่ที่เราพึ่งเปิดตัว คอนเซ็ปต์ก็จะต่างจาก GENTLEWOMAN อย่าง ชัดเจน เป็นแบรนด์ Street contemporary และ Unisex คือสามารถใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แบรนด์นี้จะมี ความสนุก แปลกใหม่ ทั้งดีไซน์เสื้อผ้าและตัวร้าน ซึ่ง Flagship store สาขาแรกก็พึ่งเปิดตัวไป อยู่ที่สยามสแควร์ ตรงข้ามกับร้าน GENTLEWOMAN เลยค่ะ
ManGu : แล้วทางแบรนด์ GENTLEWOMAN มีวิธีการดึงดูดคนจีนอย่างไร
คุณแพง : ทางแบรนด์ของเราจะมีกลุ่มสินค้าโลโก้ที่ชื่อว่า GENTLEWOMAN CLUB ในกลุ่มก็จะมีสินค้าที่ เป็นเบสิกของทางแบรนด์ที่คนจีนให้ความสนใจมากค่ะ จริงๆสินค้า GENTLEWOMAN CLUB ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งในแง่ของความใช้งานง่ายและภาพลักษณ์สินค้าที่ค่อนข้างเรียบ แต่โดดเด่นด้วยการวางโลโก้แบรนด์ ทำให้พอคนเห็นเยอะๆ ก็เริ่มสนใจว่าอันนี้คือแบรนด์อะไร เหมือนเป็นการบอกต่อกันผ่านการใช้งานจริงของลูกค้าบวกกับราคาที่สามารถจับต้องได้ง่าย จุดนี้เลยทำให้คนจีนรู้จักสินค้าจากแบรนด์ของเรามากขึ้น จนกลายเป็นว่าเวลาที่มาประเทศไทย โดยเฉพาะมาเที่ยวที่สยาม ลูกค้าก็จะแวะมาที่ร้านของเราเพื่อซื้อกลับไป ทั้งใส่เองหรือมอบให้เป็นของขวัญ
ManGu : GENTLEWOMAN เปรียบเสมือนตัวแทน แบรนด์แฟชั่นจากประเทศไทย อยากทราบว่า จุดแข็งที่ ทำให้แบรนด์มีความพิเศษอย่างไร หากเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆในต่างประเทศ
คุณแพง : จริงๆแบรนด์แฟชั่นจากแต่ละประเทศก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง เช่น ที่กำลังอยู่ใน กระแสตอนนี้ คงไม่พ้นแบรนด์จากประเทศเวียดนาม ซึ่งก็จะมีเอกลักษณ์ของเค้าชัดเจน
ในส่วนของแวดวงแฟชั่นไทย ต้องบอกว่าไม่แพ้ประเทศอื่นเลย เราเลยอยากให้ทั้งแบรนด์ GENTLEWOMAN และ MATTER MAKERS เป็นที่รองรับและส่งเสริมเหล่าแฟชั่นดีไซน์เนอร์จากประเทศไทย ให้มีพื้นที่ได้แสดงศักยภาพให้คนได้เห็น ไม่เฉพาะลูกค้าในประเทศแต่อยากให้แพร่หลายไปทั่วโลก ความ Fresh ของไอเดีย ความหลากหลาย และมีอะไรใหม่ๆที่ลูกค้าคาดไม่ถึงมานำเสนอตลอด น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ GENTLEWOMAN และ MATTER MAKERS แตกต่างจากแบรนด์อื่นค่ะ
ManGu : แล้วทางแบรนด์ GENTLEWOMAN และ MATTER MAKERS มีวิธีการสังเกตตลาดอย่างไร ถึงจะสามารถทราบได้ว่าการดีไซน์ในแนวนี้ เหมาะสมกับตลาด
คุณแพง : พอเป็นแบรนด์แฟชั่น สิ่งที่เราต้องติดตามและอัพเดทอยู่ตลอดเวลาก็คือเรื่อง Trend
สำหรับ GENTLEWOMAN ที่ออก Collection ใหม่ทุกสัปดาห์ เราก็เหมือนมีพื้นที่ให้ Designer ได้แสดงผล งานที่หลากหลาย ภายใต้กรอบของ Brand Identity คือความ Empower Femininity , Modern, Twist เพื่อ ให้สามารถสื่อถึงความเป็นแบรนด์ GENTLEWOMAN ได้ชัดที่สุด โดยเราจะไม่ได้ออกแบบอย่างเดียว แต่ต้องนำข้อมูลยอดขายมาวิเคราะห์ให้เป็นด้วย ว่าแบบไหนได้รับผลตอบรับเป็นอย่างไร ต้องวิเคราะห์อย่าง ต่อเนื่อง เพราะความต้องการของลูกค้าปรับอยู่ตลอดเวลา
ManGu : ในอนาคตอันใกล้มีแพลนจะทำอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ
คุณแพง : นอกจากการขยายสาขาแล้ว ทางแบรนด์มีการวางแพลน ที่จะคอลเลปส์สินค้าที่ไม่ใช้กับแค่แบรนด์ไทย แต่เป็นการคอลเลปส์กับอินเตอร์แบรนด์ด้วย รวมถึงการแตกไลน์สินค้าใหม่ที่เรายังไม่เคยทำด้วยค่ะ
ManGu : สุดท้ายอยากบอกอะไรกับแฟนๆที่เป็นแฟนคลับแบรนด์ GENTLEWOMAN บ้างคะ
คุณแพง : เรารู้สึกดีใจและรู้สึกขอบคุณมากๆที่ได้รู้ว่า นอกจากคนไทยแล้ว ยังมีแฟนคลับที่เป็นคนต่างชาติ อีกด้วย ที่ชื่นชอบและซัพพอร์ตแบรนด์ของเรา เราอยากจะบอกว่า เรายินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านไม่ว่างจะ ชาติไหนก็ตาม โดยเฉพาะคนจีน ถ้าวันหนึ่งได้มีโอกาสได้มาไทย แบรนด์ GENTLEWOMAN และ MATTER MAKERS ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านเสมอ และสำหรับท่านใดที่มีแพลนที่จะมาเที่ยวในประเทศไทย แต่ยังกังวลถึงสถานการณ์ต่างๆอยู่อยากจะบอกว่าตอนนี้ที่ไทยปลอดภัย และค่อนข้างปกติมากๆแล้ว และถ้าหากจะมาเที่ยวในประเทศไทย สยามก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรมาสักครั้ง เพราะสยามเปรียบ เหมือนจุดแลนด์มาร์คสำคัญในประเทศไทย ก็ฝากทุกๆคนไว้ด้วยนะคะ
_______________________________________________________________________________________________________
Thank you.
คุณรยา วรรณภิญโญ (คุณแพง)
_______________________________________________________________________________________________________
Photographer : Natchakrit Wichiensarn @ktpx.kritt
Graphic Designer : Natchaphol Jin Srijun @Banshy.j
Coordinator : Narumon Sripool @poo_ler
Column Writer : Ms.Huang Lanjun @Mocy