สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ (CIDI Chanapatana) ตอกย้ำการเป็นสถาบันปั้นนักออกแบบ รุ่นใหม่ จัดงาน ซีไอดีไอ อาร์ต ธีสิส โชว์เคส 2023 (CIDI ART THESIS SHOWCASE 2023) ภายใต้ธีม “Action/ Reaction” หรือการกระทำ/ ปฏิกิริยา กล่าวคือปฏิกิริยาเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยพลัง แฝงไว้ซึ่งความไม่แน่นอน ความสับสนอลหม่าน แต่เมื่อผ่านพ้นไป จะเกิดการสร้างสรรค์และการกระทำใหม่ ๆ เพื่อก้าวไปข้างหน้า ผ่านการถ่ายทอดแฟชั่นโชว์ศิลปนิพนธ์ปี 2023 จำนวนรวมกว่า 80 ชุด ผลงานจากนักศึกษาสาขาการออกแบบแฟชั่น (Fashion Design) ร่วมด้วยการแสดงผลงานการออกแบบของนักศึกษาสาขาออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ (Interior & Product Design) ชั้นปีที่ 2 รุ่นที่ 21 ที่สำเร็จการศึกษา ณ คิว สเตเดียม ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
นายเถกิง ออศิริชัยเวทย์ ผู้อำนวยการ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย การคิดอย่างสร้างสรรค์ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ก่อตั้งมากว่า 23 ปี ผลิตบุคลากรระดับแนวหน้าของวงการออกแบบทั้งในระดับประเทศและระดับโลกมาเป็นจำนวนมาก ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์เป็นสำคัญ การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ของประเทศได้มีเวทีในการแสดงออกถึงศักยภาพของพลังความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน”
นายสิทธิพัฒน์ ธนสารสิน ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ กล่าวว่า “ปัจจุบันสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ได้เปิดหลักสูตรใหม่ “Top-Up Bridging Degree” เป็นครั้งแรกและแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายโอกาสให้นักเรียนของสถาบัน ด้วยวุฒิปริญญาตรีจากสถาบันออกแบบระดับโลก ทั้ง สถาบัน NABA จากอิตาลี และ De Montfort University จากอังกฤษ พร้อมทั้งยกระดับหลักสูตรใหม่ Concentration Program เพิ่มความเข้มข้นในการเรียนตามความสนใจ และเติมการเรียนนอกหลักสูตร เช่น การสัมมนา เวิร์คช็อป ทัศนศึกษา การประกวด มากขึ้น ซึ่งงานซีไอดีไอ อาร์ต ธีสิส โชว์เคส 2023 ในครั้งนี้ จะสะท้อนศักยภาพด้านการออกแบบของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ทั้งในสาขาการออกแบบแฟชั่น และการออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ ที่ได้ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนของสถาบันฯ พร้อมก้าวออกไปสู่โลกของอุตสาหกรรมการออกแบบต่อไป”
ภายในงานได้จัดการแสดงแฟชั่นโชว์ศิลปนิพนธ์ผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่สำเร็จการศึกษา รวมกว่า 80 ชุด โดยมีคอลเลกชั่นไฮไลท์จากนักศึกษามาร่วมถ่ายทอดผลงานในครั้งนี้ อาทิ “A Fusion of Gothic and Art Nouveau” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานอารมณ์ความมืดลึกลับของสไตล์ Gothic และเสน่ห์ที่น่าหลงไหลของ Art Nouveau การออกแบบโดยฉลุลวดลายจากศิลปะ Stained Glass การใช้เนื้อผ้าบางเบาและ มองทะลุ ผสมผสานการใช้ความอ่อนโยนจากลวดลายดอกไม้และเถาวัลย์ ด้วยผ้าลูกไม้ การปัก และการใช้เทคนิคการรูดผ้าทำระบายแสดงถึงความอ่อนโยน ภายใต้ความมืดมิดด้วยการใช้สีในโทนดำเทา จับคู่เดรสระบายยาวกับเสื้อสูท แสดงถึงความสมดุลแห่งความมืดลึกลับและงดงามอลังการ, “Cottagecore” สัมผัสเสน่ห์อันงดงามในความเรียบง่ายและความคิดถึงของชีวิตในชนบท และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ พบความสงบและความสอดคล้องกับธรรมชาติ ในคอลเลกชั่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากความสวยงามของหมู่บ้านนิวซีแลนด์ บ้านสไตล์วินเทจ มวลดอกไม้ที่เบ่งบาน โดยใช้วัสดุทางธรรมชาติในการผลิต ผ้าหลักที่ใช้คือลินินหรือฝ้าย เพื่อสร้างสัมผัสธรรมชาติและชนบท ผสมผสานกับลูกไม้ที่มองทะลุ ให้ความนุ่มนวล และโรแมนติกมากขึ้น และ “Black Diamond” ก้าวสู่โลกแห่งความเป็นหญิงที่มีพลังด้วย Black Diamond ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและความซับซ้อน ได้รับแรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของวัสดุที่ยากที่สุดและสวยงามที่สุดในโลกความสง่างามของสีดำที่มีประกายระยิบระยับของเพชร แสดงให้เห็นถึงพลังและความมั่นใจของผู้หญิงที่มีความซับซ้อนและมีเสน่ห์ ความแตกต่างระหว่างความอ่อนนุ่มละมุนละไมผ้าที่พลิ้วลื่น และการเจาะช่องอย่างสร้างสรรค์สร้างความรู้สึกลึกลับและมีเล่ห์เหลี่ยมอีกด้วย
และสำหรับการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาสาขาออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ มีทั้งผลงานการออกแบบตกแต่งภายในซึ่งเป็นการออกแบบสำนักงาน ส่วนผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ ได้นำเสนอผลงานการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โต๊ะ ชั้นวาง โคมไฟ เป็นต้น
ผลงานที่ร่วมถ่ายทอดในครั้งนี้ อาทิ “Sugarplum (in The Nutcracker)” โคมไฟที่ได้แรงบันดาลใจจากนิทานในความทรงจำ การผจญภัยของตุ๊กตาไม้ Nutcracker และ Clara เด็กสาวธรรมดาๆ ที่ค้นพบ Sugarplum Princess นางฟ้าผู้กล้าหาญและสง่างาม ภายในจิตวิญญาณของเธอ โดยหยิบเอาเอกลักษณ์ความเป็นตุ๊กตาไม้ Nutcracker มาเป็นวัสดุหลัก ทำให้โคมไฟออกมาคลาสสิกเหนือกาลเวลา, “AviGather” คือการผสมผสานของคำว่า Avi ที่มาจาก Aviation ที่แปลว่าศิลปะและศาสตร์ในการบิน และ Gather รวมเข้าด้วยกัน เรื่องราวโคมไฟของแอร์โฮสเตสที่ผันตัวมาเป็นนักออกแบบ โดยหยิบเอาปีกของเครื่องบินมาเป็นองค์ประกอบในการดีไซน์ โดยเพิ่มลูกเล่นด้วยฟังก์ชันการใช้งาน
ที่หลากหลาย ทั้งตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ หรือจะถือพกพา ก็สะดวกทุกรูปแบบ เป็นระบบโมดูลาร์ที่สามารถถอด ใส่ ปรับ ขยับ ได้ตามใจ เลือกใช้วัสดุเป็นไม้พร้อมคงสีของไม้เอาไว้เพื่อให้ดูคลาสิกและใช้งานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ และผลงานการออกแบบสำนักงาน “ECHO Inc.” สํานักงานเป็นเสมือนบ้าน แสดงตัวตนของผู้อยู่อาศัย ต้องการสื่อถึงความฉลาดแปลกใหม่ มีวิสัยทัศน์ และปกป้องสิ่งแวดล้อมผ่านการออกแบบและสีที่ใช้ ความแปลกใหม่แสดงผ่านรูปร่างและเส้นโค้งซึ่งแตกต่างจากสํานักงานแบบดั้งเดิม ได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อ ECHO หมายถึงชุดของเสียงที่เกิดจากการสะท้อนของคลื่นเสียงจากพื้นผิวกลับไปที่ผู้ฟัง เส้นโค้งของคลื่น ความสูงของพาร์ทิชั่นที่แตกต่างกัน และรูปร่างของเฟอร์นิเจอร์นำมาใช้ในการออกแบบแสดงถึงความรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม โดยใช้แสงธรรมชาติสูงสุด พร้อมกับแผ่น อะคูสติกและพรมจากวัสดุรีไซเคิล
งาน “ซีไอดีไอ อาร์ต ธีสิส โชว์เคส 2023” ได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์โฟมอาบน้ำ Shokubutsu Monogatari มอบเงินสนับสนุนการศึกษาให้ คุณพีรดนย์ ไชยมูล นักศึกษาทุนวิริยะพัฒน์ จำนวน 50,000 บาท เพื่อจัดทำคอลเลคชั่นพิเศษ “Smooth Fresh and Clean” สำหรับแฟชั่นโชว์ในงาน ที่สื่อถึงความนุ่มละมุนของเนื้อโฟม แต่ยังคงความสะอาดและสดชื่น